ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผอ.รพ.ปากพนัง น้อมรับคำสั่งย้ายออกจาก รพ. ยินดีให้ตรวจสอบ ยืนยันเป็นหมอไม่เปิดคลินิก ทำงาน รพ.กลับบ้านไม่ต่ำกว่า 2 ทุ่ม ไม่มีโกงกิน ไม่มีอิทธิพล แต่ยอมรับการทำงานอาจขัดใจคนบ้าง พร้อมขอความเมตตาผู้ใหญ่ เผยก่อนหน้านี้เป็น ผอ.รพ.ศรีเมืองใหม่ ไม่เคยมีปัญหา

นพ.ไพศาล แก้วนพรัตน์ ผอ.รพ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกลุ่มแพทย์และพยาบาลได้ยื่นหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของตนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น เรื่องนี้ไม่ขอตอบโต้ เพราะไม่อยากถูกมองว่าก้าวร้าว บอกได้แต่เพียงว่าข้อเท็จจริงตรงข้ามกับที่นำเสนอในข่าว ตนเองเป็นหมอไม่เปิดคลินิก ทำงานที่โรงพยาบาลกลับบ้านไม่ต่ำกว่า 2 ทุ่มทุกวัน ไม่มีเรื่องโกงกินหรืออิทธิพลใดๆ แม้แต่มาทำงานก็ใช้รถส่วนตัว คนขับรถก็จ้างเอง แต่ยอมรับว่าในการบริหารโรงพยาบาลอาจมีคนไม่ถูกใจบ้าง เพราะให้ถูกใจคนทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ทั้งในช่วงการทำงาน 4 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยรังแกเจ้าหน้าที่ แต่ยอมรับว่าเคยมีการสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่ก็เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะพบความผิดจริง ซึ่งการลงโทษเพียงแค่ถูกตัดเงินเดือนเท่านั้น และที่ระบุว่ามีบุคลากรโรงพยาบาลทำหนังสือขอย้ายมายังตนถึง 42 คนนั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมายังไม่มีหนังสือขอย้ายมายังตนแม้แต่ฉบับเดียว

ส่วนที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งให้ย้ายตนออกจาก รพ.ปากพนัง ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น นพ.ไพศาล กล่าวว่า ยินดีน้อมรับ ไม่มีปัญหาอะไร และยินดีให้ตรวจสอบพร้อมให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไรนั้นก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ แต่ขอให้ฟังตนบ้าง ซึ่งตนเคารพผู้ใหญ่ทุกคน แม้ว่าจะมีความกังวลเพราะในฐานะข้าราชการคงไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นในชีวิตราชการตนเอง

“เรื่องที่เกิดขึ้น ผมอยากฝากว่า ขอที่ยืนให้กับข้าราชการเล็กๆ ให้กับหมอชนบทบ้านนอกคนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีความตั้งใจทำงาน ไม่เคยเบียดบังเวลาราชการ ไม่เคยเบียดบังทรัพยสินราชการ เพียงแต่อาจไปขัดใจคนบ้าง แต่ก็พร้อมทำตามสิ่งที่ผู้ใหญ่แนะนำ แต่ขอความเมตตาผมบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่ผู้ใหญ่จะเมตตา” ผอ.รพ.ปากพนัง กล่าวและว่า ก่อนย้ายมาเป็น ผอ.รพ.ปากพนัง ได้ดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร

นพ.ไพศาล กล่าวว่า ส่วนเหตุการณ์ที่ห้องทำงานถูกล็อกไม่สามารถเข้าไปเก็บของได้นั้น เรื่องนี้หลังได้รับหนังสือคำสั่งให้ย้ายออกจากโรงพยาบาลทางไลน์ เพื่อให้ไปช่วยราชการเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในช่วงเย็นพร้อมกับเจ้าหน้าที่ 2 คน จึงเข้าไปเก็บของที่ห้องทำงาน แต่พอไปถึงปรากฎว่าประตูถูกล็อกมีสายยูคล้องอยู่ และยังมีตำรวจมาบอกว่าได้รับแจ้งว่ามีวัยรุ่นอาวุธครบมือบุกมาที่ รพ. จึงได้ยืนยันไปว่าตนเองมาเพียงแค่เก็บเอกสารส่วนตัวเท่านั้น และได้เจรจาของเข้าไปเก็บของและให้ตำรวจยืนเฝ้าได้เลย