ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เว็บไซต์สเตรทไทม์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เตรียมออกมาตรการภาคบังคับกำหนดให้บริการดูแลสุขภาพทุกภาคส่วนตั้งแต่คลินิกขนาดเล็กเรื่อยไปจนถึงโรงพยาบาลขนาดใหญ่ต้องอัพโหลดข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลสุขภาพแห่งชาติ (National Electronic Health Record, NEHR) เพื่อเก็บรวบรวมประวัติสุขภาพทั้งหมดของผู้ป่วย รวมถึงการพบแพทย์ยังคลินิกเอกชน ยาสำหรับโรคเรื้อรัง ตลอดจนข้อมูลด้านโรคภูมิแพ้และประวัติการได้รับวัคซีน

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เตรียมออกมาตรการบังคับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพอัพโหลดข้อมูลเข้าสู่ระบบ National Electronic Health Record (NEHR) ภาพ: ST FILE

มาตรการดังกล่าวเป็นผลจากปัญหาความร่วมมือจากการบริการภาคเอกชนนับตั้งแต่จัดตั้งระบบ NEHR มาตั้งแต่ปี 2554 โดยทางการสิงค์โปร์เชื่อว่าการแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์ในทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติจะส่งผลดีต่อการบูรณาการแนวทางการรักษาและลดค่าใช้จ่ายต่อผู้ป่วย

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่บุกเบิกฐานข้อมูลผู้ป่วยระดับประเทศ ปัจจุบันข้อมูลในระบบ NEHR รวบรวมจากสถานพยาบาลของรัฐ เช่น โรงพยาบาลและโพลีคลินิก ขณะที่มีผู้ให้บริการภาคเอกชนเพียงร้อยละ 3 จากกว่า 4,000 แห่ง (รวมถึงคลินิกเฉพาะทาง สถานพักฟื้น และสถานบริบาลผู้ป่วยระยะสุดท้าย) ที่เข้าร่วมในระบบดังกล่าว ทั้งนี้ 1 ใน 4 ของสถานพยาบาลเอกชนสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลและตรวจสอบประวัติผู้ป่วยได้

กาน คิม ยอง (Gan Kim Yong) รมว.สาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยว่า “ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากระบบ NEHR อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีข้อมูลครบถ้วน และการที่ระบบ NEHR จะมีข้อมูลครบถ้วนได้นั้น ก็ต้องอาศัยความร่วมมือด้านข้อมูลจากผู้ให้บริการและบุคลากรด้านการดูแลสุขภาพทุกภาคส่วน” และว่า “ผู้ที่สนับสนุนข้อมูลภายในเดือนมิถุนายน 2562 จะได้รับเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับปรุงระบบข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข โดยทางการได้จัดสรรงบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ”

รมว.สาธารณสุขสิงคโปร์เสริมด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มจัดเวิร์คช็อปสำหรับแพทย์เพื่อชี้แจงข้อบังคับใหม่ รวมถึงผู้ให้บริการด้านไอทีเพื่อสนับสนุนบริการบริหารข้อมูลทางคลินิกสำหรับแพทย์

กระทรวงสาธารณสุขมีแผนบรรจุมาตรการบังคับเข้าร่วมฐานข้อมูลไว้ในกฎหมาย Healthcare Services Act ซึ่งจะเป็นการบังคับให้ผู้ให้บริการด้านการรักษาพยาบาลทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามโดยถ้วนหน้าโดยมีโทษปรับสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม

ด้าน บรูซ เหลียง (Bruce Liang) เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านระบบข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เผยว่า “มาตรการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำครับ เพราะฐานข้อมูลดิจิตอลที่แข็งแกร่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและระบบบริการสุขภาพในอนาคตข้างหน้า”

แปลและเรียบเรียงจาก MOH wants to make national patient database mandatory: www.straitstimes.com