ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายมหาวิทยาลัยปลอดเหล้า 80 สถาบัน ออกโรงป้องคำสั่ง คสช.22/2558 ชี้โซนนิ่งคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษาเป็นผลดีต่อนักศึกษาและสถาบัน เชื่อร้านที่ทำผิดกฎหมายถูกสั่งปิดถาวรส่งผลให้ผู้ประกอบการเกรงกลัว เคารพกฎหมายมากขึ้น วอนเซ็นทรัลโคราชเคารพกติกาหยุดวิ่งเต้น

เมื่อเร็วๆ นี้เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา ร่วมกับ เครือข่ายมหาวิทยาลัยปลอดเหล้า 80 สถาบัน และภาคีเครือข่ายงดเหล้า จัดเวทีวิพากษ์ประเด็นร้อน“บทเรียนสังคมไทย...เมื่อห้างใหญ่จับมือทุนน้ำเมาเขย่าโซนนิ่ง”ภายในงานมีเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ อาจารย์ นักศึกษา เข้าร่วมกว่า 100 คน

นายฐิติชัย ดุ้งกลาง แกนนำเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าจากกรณีที่ห้างเซ็นทรัลโคราช ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหม่และตั้งอยู่ในพื้นที่โซนนิ่งใกล้สถานศึกษา ตามคำสั่ง คสช.22/2558 ที่กำหนดห้ามไม่ให้ออกใบอนุญาตขายเหล้าให้รายใหม่ ตามหลักการร้านใหม่ต้องไม่เพิ่มร้านเดิมต้องทำตามกฎหมาย โดยมีข่าวมาแล้วระยะหนึ่งว่าห้างดังกล่าวได้พยายามวิ่งเต้นขอแก้ไขลดเขตโซนนิ่ง ใกล้มหาวิทยาลัย เพื่อให้ร้านค้าภายในห้างสามารถขายเหล้าเบียร์ได้ และก่อนหน้านี้ได้มีการเผยแพร่กำหนดการจัดลานเบียร์ยี่ห้อดัง และพบว่ามีบ้างร้านในห้างแอบขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฝ่าฝืนกฎหมายกันจำนวนหนึ่ง ทั้งที่ยังไม่มีการออกใบอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากสรรพสามิต ซึ่งผิดกฎหมายชัดเจน

“เครือข่ายเยาวชนฯยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้ห้างดังกล่าวมาแก้ไขกฎหมายเพื่อขายเหล้าเบียร์ โดยก่อนหน้านี้ได้ไปยื่นหนังสือคัดค้านและให้ข้อมูลกับทางกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงมหาดไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ไว้แล้ว และกำลังติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เราอยากเห็นห้างเซ็นทรัลฯแสดงจุดยืนที่จะยุติเรื่องนี้ หยุดวิ่งเต้น เราอยากเห็นห้างเซ็นทรัลโคราชเป็นพื้นที่ต้นแบบ สร้างพื้นที่สีขาวและปลอดภัยสำหรับเด็กเยาวชน ครอบครัว” นายฐิติชัย กล่าว

ดร.ดำเกิง โถทอง อาจารย์คณะมนุษย์ศาตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ ในฐานะที่ปรึกษาเครือข่ายมหาวิทยาลัยปลอดเหล้าอีสานล่าง กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ เครื่องมือสำคัญที่จะต่อสู้ รับมือกับทุนใหญ่แบบนี้ คือ การใช้พลังโซเชียล ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญ โดยเฉพาะสื่อดิจิตอล สื่อออนไลน์ จะเป็นพลังสำคัญในการต่อสู้คัดค้านห้างเซ็นทรัลฯให้หยุดความพยายามในครั้งนี้

“เราต้องทำให้สังคมเห็นถึงผลกระทบ ปัญหาจากภัยน้ำเมาที่จะตามมา ทุกวันนี้รอบสถานศึกษาถูกร้านเหล้าผับบาร์เข้ายึดครอง สูบเม็ดเงินจากกระเป๋านักศึกษา สร้างผลกระทบมายาวนาน แทบไม่ไม่รัฐบาลไหนกล้าจัดการ แต่รัฐบาลนี้ได้ให้เครื่องมือที่สำคัญมากในการป้องกันแก้ไขปัญหา คือ โซนนิ่ง เราจึงควรช่วยกันปกป้องกฎหมายนี้มิให้นายทุนหรือใครมาทำลาย และการใช้พลังโซเชียล คนเล็กคนน้อย คนในชุมชน เป็นเครื่องมือสื่อสารต่อสู้กับยักษ์ใหญ่ ใช้โซเชียลให้เกิดการกระจายข้อมูลอย่างมีพลัง เกิดการรับรู้ ตระหนักในวงกว้าง ขับเคลื่อนไปสู่กระแสสังคม ภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการเฝ้าระวังแจ้งเหตุ เมื่อพบเห็นการทำผิดกฎหมายของร้านเหล้าเหล่านี้ ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก ฝ่ายปกครองหรือทหารในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายนำไปสู่การปิดถาวร นอกจากจะเป็นการลดจำนวนร้านลงแล้ว ยังช่วยป้องปรามมิให้ร้านที่มีอยู่ทำผิดกฎหมายในทางหนึ่งด้วย” ดร.ดำเกิง ระบุ

นายอาคม อ่วมสำอางค์ ผู้แทนกรมสรรพสามิต กล่าวว่า หากพบว่า มีการขายเหล้าเบียร์ของผู้ประกอบการรายใหม่ ในพื้นที่เขตโซนนิ่ง ซึ่งขัดกับคำสั่งของ คสช.22/2558 ทางเครือข่ายฯสามารถ แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที และมีโทษหนักถึงจำคุก และตามกฎหมายกรมสรรพสามิต ยืนยันว่า ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้รายใหม่ได้อยู่แล้ว เพราะอยู่ในพื้นที่เขตโซนนิ่ง ถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้าม ทั้งนี้ ห้างเซ็นทรัลฯ หรือธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ประกอบการทุกๆราย ควรทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ด้านนายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา กล่าวว่า ภาคประชาชน นักวิชาการ อาจารย์ นักศึกษา ในนามเครือข่ายมหาวิทยาลัยปลอดเหล้า 80 สถาบัน กว่า100 คน ได้ระดมความคิดเห็นกันในวันนี้ ขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

1.เครือข่ายฯ คัดค้านอย่างเต็มที่ ต่อความพยายามวิ่งเต้น ขอแก้ไขโซนนิ่ง ของห้างเซ็นทรัลพลาซา โคราช เพียงหวังให้เกิดการมอมเมา ค้าขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่สุ่มเสี่ยงกับนักศึกษา และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ฝ่าฝืนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ห้างดังกล่าวอย่างเสมอภาค

2.เครือข่ายฯ ขอแสดงจุดยืนในการปกป้อง กฎหมาย เจตนารมณ์ ตามคำสั่ง คสช. 22/2558 ที่จัดสภาพแวดล้อม เพื่อลดและควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ร้านใหม่ไม่เพิ่มร้านเดิมทำตามกฎหมาย และขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในปัญหาร้านเหล้ารอบสถานศึกษา

3.เครือข่ายฯ ขอเป็นกำลังใจกับสถาบันการศึกษาและภาคีภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาในการปกป้องคัดค้าน การแก้ไขเขตโซนนิ่ง ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา

และ 4.เครือข่ายฯ จะเร่งสื่อสาร ขอบเขตรัศมี และเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่โซนนิ่งอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง