ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ประชุมระดมความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูง เพื่อปฏิรูประบบสาธารณสุข ยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร

วันนี้ (18 มกราคม 2561) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อปฏิรูปกลไกการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข (Retreat) ประจำปีงบประมาณ 2561 ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมระดมความคิดผู้บริหารระดับสูงครั้งแรกเมื่อปี 2559 ได้ยุทธศาสตร์ความเป็นเลิศ 4 ด้าน (4 Excellences) ครั้งที่ 2 เป็นการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ปฏิรูประบบสาธารณสุข โดยนำผลการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขมานำเสนอ ให้ผู้บริหารระดมความคิดเห็นบูรณาการการทำงาน ร่วมขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขไปในทิศทางเดียวกัน “ยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน” ให้การดูแลคุณภาพชีวิตคนไทยทุกช่วงวัย ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมความเข้มแข็งการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชน

สำหรับการแผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขใน 4 ด้าน คือ

1.ด้านระบบบริหารจัดการด้านสุขภาพ โดยจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ (National Health Board) การตั้งเขตสุขภาพและคณะกรรมการเขตสุขภาพ เพื่อการกระจายอำนาจการบริหารจัดการ และการปรับบทบาท โครงสร้าง ระบบบริหารสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข

2.ด้านระบบบริการสาธารณสุข มุ่งพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ การแพทย์แผนไทย การแพทย์ฉุกเฉิน และการสร้างเสริมป้องกันและควบคุมโรค

3.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เน้นการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้กับประชาชน การคุ้มครองผู้บริโภค

และ 4.ด้านความยั่งยืนและเพียงพอ ด้านการเงินการคลังสุขภาพ โดยการปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐทุกระบบให้มีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรมและยั่งยืน

ผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) ในปี 2560 ได้พัฒนาความเป็นเลิศใน 4 ด้าน อาทิ ในด้านระบบบริการเป็นเลิศ สามารถลดอัตราตายผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองลงเหลือ 9.10 ต่อแสนประชากร, อัตราตายผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจลงเหลือ 26.58 ต่อแสนประชากร, ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน STEMI ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และ/หรือการขยายหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นร้อยละ 82, พัฒนาการจัดบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ที่แผนกผู้ป่วยนอกคู่ขนานกับแพทย์แผนปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ 72 ของสถานบริการทั้งหมด ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปร้อยละ 84 จัดบริการคลินิกเฉพาะโรค ผู้รับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 20 ของผู้ป่วยนอกทั้งหมด และมูลค่าการใช้ยาสมุนไพรเพิ่มขึ้น 406 ล้านบาท,

จัดโครงการค้นหาวัณโรคเชิงรุกในเรือนจำ คัดกรองด้วยการถ่ายภาพรังสีทรวงอก ช่วยให้ผู้ต้องขังได้รับการตรวจคัดกรองและรับการรักษาเร็วขึ้น พบผู้ป่วย 3,905 ราย ซึ่งสูงกว่าการดำเนินงานที่ผ่านมา, มีระบบการดูแลเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าในโรงพยาบาลชุมชนร้อยละ 79 และ รพ.สต.ร้อยละ 66 พร้อมทั้งสนับสนุนคู่มือและอุปกรณ์ช่วยเหลือเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า ในโรงพยาบาล 896 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข 68 แห่ง, เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ พิจารณาคำขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพได้ร้อยละ 94 จากทั้งหมด 45,772 รายการ และใช้เวลาในการพิจารณาเร็วขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 20