ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สถ.จับมือ สปสช.จัดประชุมขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น หนุน อปท.เดินหน้าดูแลสุขภาพประชาชน ภายใต้ 3 กองทุนบัตรทอง ทั้งกองทุนสุขภาพตำบล กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ กองทุน LTC เน้นความร่วมมือทุกภาคส่วน พร้อมดึงชุมชนร่วมสร้างความยั่งยืน

ที่โรงแรมเซ็นทราฯ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ – เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ได้ร่วมกันจัดการประชุมพัฒนาความร่วมมือในการสนับสนุนการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งผู้แทนสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาพันธ์ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ผู้แทนสาธารณสุขจังหวัด นักวิชาการ และสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข เข้าร่วมงาน จำนวน 400 คน

นายธนา ยันตรโกวิท

นายธนา ยันตรโกวิท รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า การดำเนินงานเพื่อดูแลสุขภาพประชาชน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะท้องถิ่นที่เป็นกำลังสำคัญทำให้เกิดการเข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุขอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ในฐานะหน่วยงานหลักในพื้นที่ ซึ่งภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ดำเนินงานกองทุนเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการะบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น 3 กองทุน คือ 1.กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กองทุนสุขภาพตำบล) 2.กองทุนระบบดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (Long Term Care: LTC) และ 3.กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นระดับจังหวัด เพื่อส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมดำเนินการจัดบริการสาธารณสุขในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งหวังให้ประชาชนมีบทบาทดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว ชุมชน สภาพแวดล้อมและสังคมโดยรวมอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้จากการดำเนินงาน 3 กองทุน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถนำมาบริหารจัดการเพื่อบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามกรอบการดำเนินงานบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้ รวมถึงตามความแตกต่างของปัญหาสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ ทั้งยังเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแนวทางการทำงานแบบประชารัฐที่ภาครัฐกับประชาชนต้องมาร่วมกันคิดร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์

“ความสำเร็จของการดำเนินงานทั้ง 3 กองทุนเพื่อบรรลุเป้าหมาย ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และ อปท. ผู้มีบทบาทสำคัญในพื้นที่ การประชุมในวันนี้เชื่อว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือด้วยดีในการพัฒนาและสนับสนุนการดำเนินงานของทั้ง 3 กองทุน ให้เกิดประสิทธิภาพ” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สปสช.และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีความร่วมมือสนับสนุนการจัดระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปี 2549 ได้ร่วมผลักดันท้องถิ่นเข้าร่วมดำเนินกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมี อบต.และเทศบาลเข้าร่วมจำนวน 7,736 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 99.50 และได้ขยายสู่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นระดับจังหวัด ขณะนี้มี อบจ. เข้าร่วมจำนวน 42 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 55.26 และกองทุนระบบดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง มี อบต. และเทศบาลเข้าร่วมจำนวน 4,274 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 54.97 สำหรับการดำเนินงานของ 3 กองทุน ที่ผ่านมามี อปท.เข้าร่วมดำเนินการจัดบริการสาธารณสุขในชุมชนบรรลุผลสำเร็จในระดับหนึ่ง เพื่อการดำเนินงานกองทุนเป็นไปอย่างครอบคลุม ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีการร่วมพัฒนาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานของทั้ง 3 กองทุนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นผลที่จะได้จากการประชุมในครั้งนี้

“เจตนารมณ์ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มุ่งให้ประชาชนผู้มีสิทธิกว่า 48 ล้านคน เข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยมีระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งในมาตรา 47 ได้ระบุถึงความร่วมมือกับ อปท. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านในพื้นที่และการสนับสนุนจัดระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น ด้วยงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา จากความร่วมมืออันดีโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทั้งการรักษาพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค และฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง และการประชุมในครั้งนี้จะยิ่งก่อให้เกิดการประสานการทำงานที่ดีร่วมกันเพื่อร่วมดูแลสุขภาพประชาชน” เลขาธิการ สปสช. กล่าว