ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ลูกจ้างส่วนราชการกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศได้รับสิทธิ พ.ร.บ.เงินทดแทนฉบับใหม่ มีผล 9 ธ.ค.61 ทั้งประเภทสัญญารายปีหรือสัญญาจ้างเหมา ลูกจ้างของกิจการที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจด้วย จากเดิมที่ไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์กรณีประสบอันตราย เจ็บป่วย สูญหาย หรือตาย อันเนื่องมาจากการทำงานให้นายจ้าง

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ รักษาราชการเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ รักษาราชการเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า พระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2561 เป็นต้นไป จะส่งผลให้ลูกจ้างส่วนราชการทั้งประเทศกว่า 1 ล้านคนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายนี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างประเภทสัญญารายปีหรือสัญญาจ้างเหมา เช่น พนักงานกวาดถนน พนักงานเก็บขยะ ซึ่งเป็นลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมทั้งลูกจ้างของกิจการที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจด้วย เช่น องค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ จากเดิมที่ลูกจ้างเหล่านี้ไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์ค่าทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนกรณีประสบอันตราย เจ็บป่วย สูญหาย หรือตาย อันเนื่องมาจากการทำงานให้นายจ้าง

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อไปว่า กฎหมายใหม่ยังเพิ่มเงินทดแทนให้ลูกจ้างจากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน โดยกรณีลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้และมีใบรับรองแพทย์ให้หยุดงานก็สามารถเบิก ค่าทดแทนหยุดงานได้ตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปแต่สูงสุดไม่เกิน 1 ปี สำหรับกรณีลูกจ้างทุพพลภาพจะได้รับค่าทดแทนไม่น้อยกว่า 15 ปี หรือกรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสูญหาย ทายาทก็จะได้รับค่าทดแทนมีกำหนด 10 ปี นอกจากนี้ยังได้เพิ่มค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้าง จำนวน 40,000 บาท

ส่วนประโยชน์ที่นายจ้างได้รับจาก พ.ร.บ.เงินทดแทนฉบับใหม่นั้น รักษาราชการเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีอำนาจลดการจ่ายเงินเพิ่มในท้องที่ที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ประสบภัยพิบัติ หรือมีสถานการณ์พิเศษอย่างอื่นได้ และปรับลดเงินเพิ่มหรือเบี้ยปรับจากเดิมร้อยละ 3 ต่อเดือน ลดลงเหลือร้อยละ 2 ต่อเดือน และกำหนดให้จำนวนเงินเพิ่มต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย ดังนั้นนายจ้างจึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนเงินทดแทนเพิ่มจากเดิมแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังได้อำนวยความสะดวกโดยเพิ่มช่องทางให้นายจ้างสามารถยื่นแบบรายการขึ้นทะเบียนนายจ้าง และจ่ายเงินสมทบ แจ้งการประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือสูญหายผ่านทางสำนักงาน หน่วยบริการ ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น