ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการยุติปัญหาเอดส์ มีมติเห็นชอบ 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ เห็นชอบกรอบการพัฒนาระบบบริการควบคุมป้องกัน และดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเห็นชอบเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการยาต้านไวรัส และระบบข้อมูล ในทุกสิทธิ์ให้มีประสิทธิภาพ โดยเน้นดำเนินการแบบบูรณาการทุกภาคส่วน

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ที่กรมควบคุมโรค นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการยุติปัญหาเอดส์ ครั้งที่ 1/2561 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบใน 2 ประเด็นสำคัญ โดยประเด็นแรกได้มีการเห็นชอบกรอบการพัฒนาระบบบริการควบคุม ป้องกัน และดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีกรอบในการพัฒนา 6 ด้าน ดังนี้

1) การพัฒนาระบบเฝ้าระวัง ระบบข้อมูล และระบบติดตาม 2) การพัฒนาคุณภาพบริการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 3) การพัฒนาคลินิกกามโรคในสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ให้เป็นศูนย์เรียนรู้บริการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 4) การจัดทำแผนงานป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5) การจัดทำแผนงานศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อนำองค์ความรู้มาพัฒนาต่อยอด และ 6) การทบทวนแผนและยุทธศาสตร์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปี 2560–2564 และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

เนื่องจากในปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรค พบอัตราป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลัก ได้แก่ ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน และกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง (ฝีมะม่วง) เพิ่มขึ้นจากอัตราป่วย 18.9 ต่อประชากรแสนคนในปี 2556 เพิ่มเป็น 28.8 ต่อประชากรแสนคนในปี 2560 และพบว่าทั้งเพศหญิงและเพศชายมีอัตราป่วยเพิ่มขึ้นทั้ง 2 กลุ่ม โดยเฉพาะในเพศชายที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า (จาก 25.3 เพิ่มเป็น 44.1 ต่อประชากรแสนคน)

นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่ 2 ที่คณะอนุกรรมการเห็นชอบ คือ เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการยาต้านไวรัสทั้งระบบการจัดซื้อ การสำรองยา การเบิกจ่าย และการกระจายยา ของทุกสิทธิ์ให้มีประสิทธิภาพ และเห็นชอบให้ทุกกองทุนใช้โปรแกรมกลาง คือ NAP ในการบันทึกการให้ยา นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ทราบถึงความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัย การประเมินความต้องการใช้ถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่น การป้องกันการติดเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก รวมถึงความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง