ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“ลิปบาล์มสูตรต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้นจากสารสกัดกากเมล็ดงาขี้ม้อน” รางวัลเหรียญเงินการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมนานาชาติที่มาเลเซีย

“จากที่ไปทางภาคเหนือพบว่า คนทางภาคเหนือเขานิยมบริโภคงาขี้ม้อนกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีอุตสาหกรรมสกัดน้ำมันจากงาขี้ม้อนออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้มีกากเมล็ดงาขี้ม้อนเป็นจำนวนมากเช่นกัน จากเดิมชาวบ้านจะนำกากเมล็ดงาขี้ม้อนมาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์หรือไม่ก็นำไปทำเป็นปุ๋ย”

น.ส.บัดดารีหย๊ะ โส๊ะสันสะ เจ้าหน้าที่บริการวิทยาศาสตร์ ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงมาของการทำวิจัย และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ “ลิปบาล์มสูตรต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้นจากสารสกัดกากเมล็ดงาขี้ม้อน” จนสามารถไปคว้ารางวัลเหรียญเงินจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมนานาชาติ “The 30th International Invention, Innovation and Technology Exhibition” (ITEX 2019) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเร็วๆนี้

น.ส.บัดดารีหย๊ะ เล่าว่า ในการทำวิจัยครั้งนี้ไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง แต่มีเพื่อนนักวิจัยอีกคนร่วมกันทำงานวิจัยชิ้นนี้ด้วยกัน คือ น.ส.นารีญา วาเล๊าะ โดยมี อ.ดร.สุกฤต ศิริขวัญพงศ์ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

“เป็นที่ทราบกันดีว่า เมล็ดงาขี้ม้อน หรือ งาขี้ม่อน นั้น เมื่อสกัดสารจากกากเมล็ดงาขี้ม้อนมาเป็นลิปบาล์มสูตรต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้นจากสารสกัดกากเมล็ดงาขี้ม้อน พบว่า มีไขมันโอเมก้า 3 ชนิด ALA (Alpha linolenic acid) สูง จากน้ำมันเมล็ดงาขี้ม้อน พร้อมด้วยสารสกัดของกากเมล็ดงาขี้ม้อนจากวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตร ให้ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดี”

น.ส.บัดดารีหย๊ะ กล่าวว่า จากที่กล่าวมาข้างต้น เห็นว่าทางภาคเหนือมีกากเมล็ดงาขี้ม่อนจำนวนมาก ทำให้ตนและนารีญา คิดว่ากากเมล็ดงาขี้ม้อนนั้นน่าจะมีประโยชน์มากกว่าที่จะเป็นเพียงแค่อาหารสัตว์หรือปุ๋ยเท่านั้น เมื่อทำการสกัดกากเมล็ดงาที่ม้อนแล้ว พบว่ามีสารต่างๆที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายดังที่กล่าวมาแล้ว

ทางคณะผู้วิจัยใช้เวลาในการทำงานวิจัยจนได้มาเป็นผลงาน “ลิปบาล์มสูตรต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้นจากสารสกัดกากเมล็ดงาขี้ม้อน” ใช้เวลาเพียง 5 เดือนเท่านั้น

เมื่อสอบถามกับ น.ส.บัดดารีหย๊ะว่าทำไมถึงเลือกที่จะวิจัยออกมาเป็นลิปบาล์ม น.ส.บัดดารีหย๊ะ เล่าว่า จากงานวิจัยของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นงานวิจัยที่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม หากจะเป็นของกินของใช้จะต้องมีกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามหลักฮาลาล

ที่มาของการผลิตลิปบาล์มในครั้งนี้คือ ประชาชนผู้ที่เป็นมุสลิมส่วนใหญ่มักจะไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่ที่มีอากาศร้อนแห้ง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์อาจมีริมฝีปากที่แตกแห้งๆได้ การทา “ลิปบาล์มสูตรต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้นจากสารสกัดกากเมล็ดงาขี้ม้อน” จะช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและได้รับการบำรุงริมปากอีกด้วย

สำหรับกระบวนการผลิตนี้การันตีได้ว่า วัตถุดิบที่ใช้และกระบวนการผลิตนั้นถูกต้องตามหลักฮาลาลทุกประการ ซึ่งแตกต่างจากลิปบาล์มทั่วไป ที่พี่น้องชาวมุสลิมอาจไม่แน่ใจว่าวัตถุดิบที่ใช้ถูกต้องตามหลักฮาลาลหรือไม่ โดยเฉพาะวัตถุดิบหลักที่เป็นไขมันสัตว์ ดังนั้นลิปบาล์มของทางศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล สามารถใช้ได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา

ทั้งนี้ “ลิปบาล์มสูตรต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้นจากสารสกัดกากเมล็ดงาขี้ม้อน” อยู่ในระหว่างการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างในเรื่องการแพ้ในคน ผลการทดสอบพบว่าไม่มีการแพ้ในคน ส่วนการทดสอบการปลอดเชื้อก่อโรค​ ทำเสร็จ​แล้ว​ พบว่าไม่พบเชื้อก่อโรค​ตามที่กระทรวงสาธารณสุข​กำหนด

“ส่วนการต่อยอดในเชิงพาณิชย์นั้นทางศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลไม่สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ แต่เราสามารถชายองค์ความรู้ให้กับเอกชนเพื่อการต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ และปัจจุบันได้มีการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

น.ส.บัดดารีหย๊ะ​ กล่าวว่า การส่งนวัตกรรม “ลิปบาล์มสูตรต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความชุ่มชื้นจากสารสกัดกากเมล็ดงาขี้ม้อน” เข้าประกวดในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นผู้ดำเนินการจัดงานนำนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยเข้าร่วมการประกวดและจัดแสดงผลงาน

“การได้รับรางวัลในครั้งนี้ดีใจมาก เพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรางวัล จากการที่เราส่งเข้าประกวด เพราะเราต้องการหาระสบการณ์ในระดับนานาชาติ แต่เมื่อได้รับรางวัล นอกจากจะดีใจแล้ว ทำให้มีกำลังให้เราทำงานต่อไป เป็นแรงผลักดันในการสร้างนวัตกรรมที่มีประโยชน์ได้ช่วยหลือประชาชน เศรษฐกิจ และสังคม” น.ส.บัดดารีหย๊ะ กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง