ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อย.แจงร่างกฎกระทรวงอนุญาตโฆษณากัญชาเพื่อรองรับการให้ข้อมูลทางวิชาการกับบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากขณะนี้ใกล้ได้ยากัญชาที่ผลิตโดยผู้ผลิตในประเทศแล้ว ย้ำ ! ยังไม่มียากัญชาจากต่างชาติได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย จึงไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ค้าใดแน่นอน

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2562 ได้เห็นชอบหลักการของร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงเจตนารมณ์ของการออกกฎหมายดังกล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ อย.ได้มีการสนับสนุนให้หน่วยงานที่มีศักยภาพในการผลิตสารสกัดกัญชาให้เร่งดำเนินการ โดยมีผู้ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาทั้งสิ้น 4 ราย ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร

รวมทั้งยังมีผู้ได้รับอนุญาตให้ผลิตยากัญชา เพื่อใช้ทางการแพทย์หรือเพื่อศึกษาวิจัยอีก 5 ราย ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งผู้รับอนุญาตดังกล่าว อยู่ระหว่างการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาต และจะได้ผลผลิตยากัญชาที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีความปลอดภัยในการนำมาใช้บำบัดรักษาโรคแก่ผู้ป่วยภายในประเทศ ในเร็ว ๆ นี้

ดังนั้น ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจึงออกมาเพื่อรองรับกรณีการให้ข้อมูลทางวิชาการของยากัญชาที่ผลิตในประเทศ แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ใช้ในการพิจารณาสั่งใช้ยาอย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย สำหรับกฎกระทรวงฉบับนี้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า การโฆษณาให้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกัญชาต้องได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา โดยให้โฆษณาได้เพียง 2 กรณี คือ (1) การโฆษณาในลักษณะของการให้ข้อมูลทางวิชาการต่อผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกร แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์และหมอพื้นบ้าน หรือ (2) การทำเป็นเอกสารในลักษณะของการเลียนแบบฉลากหรือเอกสารกำกับยาที่ภาชนะบรรจุกัญชา ซึ่งการโฆษณารูปแบบเฉพาะดังกล่าว ไม่ได้เปิดให้มีการโฆษณาในทางการค้าต่อประชาชนหรือสังคมทั่วไปแต่อย่างใด

นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่มีผลิตภัณฑ์ยากัญชาจากต่างประเทศได้ขึ้นทะเบียนตำรับในประเทศไทย จึงไม่มีประเด็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทยาต่างชาติอย่างแน่นอน และขอฝากถึงผู้ที่จะใช้กัญชาในการรักษาโรค ขอให้เข้ารับการตรวจพิจารณาความเหมาะสมจากแพทย์ที่ผ่านการอบรมการใช้ยากัญชาจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลประกอบการตัดสินใจใช้ยากัญชาอย่างถูกต้อง อย่าหลงเชื่อการโฆษณาจากสื่อใด ๆ เพราะอาจได้รับอันตรายจากการใช้ยากัญชาอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งมีข่าวปรากฏให้เห็นแล้วหลายราย