ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อย.ร่วม 2 สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งฯ แถลงเรียกคืนเต้านมเทียมชนิดขรุขระ หลังพบข้อมูลผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง 800 คนทั่วโลกสัมพันธ์กับการเสริมเต้านมเทียมซิลิโคนผิวขรุขระ พบมีคนไทย 1 คน พร้อมทำระบบเฝ้าระวังติดตาม ย้ำใครเสริมแล้วไม่ต้องกังวลสังเกตอาการ หากผิดปกติพบแพทย์

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พร้อมด้วย รศ.นพ.ศิรชัย จินดารักษ์ นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย และศ. คลินิก นพ.อภิรักษ์ ช่วงสุวนิช นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย แถลงการเรียกคืน “เต้านมเทียมซิลิโคนผิวขรุขระ”

โดย นพ.ธเรศ กล่าวว่า หลังจากทราบข้อมูลจากบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) และ บริษัท นีโอฟาร์ม จำกัด แจ้งขอเรียกคืนผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เต้านมเทียมซิลิโคนชนิดผิวขรุขระ เนื่องจากพบข้อมูล 20 ปี ว่า มีผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non- Hodgkin’s Lymphoma ซึ่งสัมพันธ์กับการเสริมเต้านมด้วยวัสดุที่เป็นซิลิโคนผิวขรุขระถึง 800 คนจากทั่วโลก และเป็นคนไทย 1 คน ซึ่งอุบัติการณ์แม้จะน้อย ไม่ได้มากมาย แต่จำเป็นต้องเรียกวัสดุนี้กลับคืน โดยข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทพบว่า ในประเทศไทยมีการใช้วัสดุลักษณะนี้ตั้งแต่ปี 2554 ประมาณ 29,000 ชิ้น มีการใช้ไปแล้ว 14,000 ชิ้น ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังโรงพยาบาล คลินิก สถานพยาบาลต่างๆที่มีการใช้วัสดุนี้ในการประสานเรียกคืนแล้ว ส่วนผู้ที่มีการเสริมเต้านมด้วยวัสดุนี้ไปแล้วนั้น ไม่ต้องกังวล ให้สังเกตอาการ หากมีอาการบวม เต้านมผิดรูป ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือแม้ไม่มีอาการก็ต้องสังเกตอาการ ด้วยการคลำเต้านม และพบแพทย์ปีละครั้ง เพราะอุบัติการณ์การเกิดไม่ได้มาก

นพ.ธเรศ กล่าวว่า สำหรับเต้านมผิวขรุขระที่มีการเรียกคืนนั้น มีชื่อทางการค้า นาเทรล (NATRELLE) ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผลิตโดย Allergan Costa Rica S.R.L. ประเทศคอสตาริกา และเจ้าของผลิตภัณฑ์ คือ Allergan Plc สหรัฐอเมริกา โดยผลิตภัณฑ์ที่เรียกคืนของบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ได้แก่ 1. เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย นาเทรล รุ่น เอสที-410 เอ็มเอฟ เลขที่ใบรับแจ้งรายการละเอียด จน. 5/2560 2. เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย นาเทรล รุ่น 120 เลขที่ใบรับแจ้งฯ จน. 36/2561 3. เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย นาเทรล รุ่น เอสที-410 เอ็มเอ็ม เลขที่ใบรับแจ้งฯ จน. 4/2562

“ในส่วนของบริษัท นีโอฟาร์ม จำกัด ผลิตภัณฑ์ที่เรียกคืน ได้แก่ 1. เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย นาเทรล รุ่น 110 เลขที่ใบรับแจ้งฯ จน. 79/2553 2. เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย นาเทรล รุ่น 120 เลขที่ใบรับแจ้งฯ จน. 106/2553 3. เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย นาเทรล รุ่น ST-410 MF เลขที่ใบรับแจ้งฯ จน. 2/2554 และ 4. เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย นาเทรล รุ่น ST-410 MM เลขที่ใบรับแจ้งฯ จน. 3/2554” นพ.ธเรศ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม อย.กำลังจัดทำระบบติดตามเฝ้าระวัง ให้สถานพยาบาล หรือแพทย์ลงทะเบียนว่า มีการนำเต้านมเทียมชนิดดังกล่าวไปใช้ที่ไหน อย่างไร เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและให้ทราบข้อมูล

ด้าน ศ.คลินิก นพ.อภิรักษ์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ของซิลิโคนผิวขรุขระกับเต้านม ที่ก่อให้เกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สาเหตุยังไม่แน่ชัด เกิดได้จากผิวสัมพันธ์ที่ขรุขระ หรือ พันธุกรรม ซึ่งจะพบมากในชาวออสเตรเลีย และพบว่า ซิลิโคนผิวเรียบ เกิดมะเร็งต่อน้ำเหลืองน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาคนไทยนิยมผ่าตัดเสริมเต้านมด้วยซิลิโคนผิวขรุขระ เนื่องจากสมัยนั้นการผ่าตัดต่างๆ โอกาสทำให้เกิดพังพืดน้อย แต่ปัจจุบันด้วยเทคนิกการผ่าตัดทำให้ความเสี่ยงเกิดพังพืดน้อยเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะใช้วัสดุแบบผิวขรุขระ หรือผิวเรียบก็ตาม ส่วนกรณีที่เรียกเก็บเต้านมเทียมชนิดผิวขรุขระ ก็ไม่ใช่ทุกรุ่น อย่างรุ่นนี้จะมีความขรุขระมาก 

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ละปีมีคนไทยเสริมเต้านมจำนวนเท่าไหร่ ศ.คลินิก นพ.อภิรักษ์ กล่าวว่า ประมาณ 20,000 คน

รศ.นพ.ศิรชัย กล่าวว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่พบกรณีนี้ ไม่ใช่มะเร็งเต้านมที่เกิดจากเนื้อเยื่อของเต้านม และกรณีนี้ก็ไม่ได้พบมาก อัตราการเกิดต่ำ เพียงแต่มาเตือนเพื่อให้เฝ้าระวัง เนื่องจากหากไม่ดูแลให้ดีก็อาจร้ายแรงจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ แต่หากรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษาได้ดี และมีโอกาสหายขาดได้ด้วยการผ่าตัดโดยไม่ต้องใช้ยาเคมีบำบัด

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีความสัมพันธ์ของการเกิดมะเร็งกับการใช้ซิลิโคนผิวขรุขระ เป็นเพราะตัวสารในวัสดุเต้านมเทียมหรือไม่ รศ.นพ.ศิรชัย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับวัสดุ แต่สาเหตุจริงๆก็ยังไม่ทราบ เพียงแต่พบว่า มาจากวัสดุที่ทำจากผิวขรุขระมากกว่าผิวเรียบ ยกเว้นคนที่เสริมเต้านมผิวขรุขระมาก่อน และเปลี่ยนเป็นวัสดุผิวเรียบก็มีความเสี่ยงเช่นกัน แต่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวสารใดๆที่ผลิตออกมา ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อบางชนิด ฯลฯ ขณะนี้กำลังศึกษาหาสาเหตุที่แท้จริงอยู่

เรื่องที่เกี่ยวข้อง