ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ.ลงนามแก้ระเบียบรับรองหมอพื้นบ้าน พร้อมเซ็นประกาศกระทรวงอีก 2 ฉบับ ที่แก้ไขให้ปรุงยาได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องกัญชากลาง ได้ใจหมอพื้นบ้าน 3 พันคน ด้าน “รจนา” เสนอปลูกกัญชาควรต้องเป็นหมอพื้นบ้าน-แพทย์แผนไทยก่อนขยาย อสม.

ตามที่มีการร้องเรียนขอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แก้ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขตามพ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 เนื่องจากกำหนดว่า หมอพื้นบ้านที่ผ่านการรับรองไปแล้วนั้น จะต้องผ่านการพิจารณาใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้ทั้งนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี และหมอพื้นบ้านอีกกว่า 3,000 คน ได้รับผลกระทบและออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้การต้อนรับนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ และตัวแทนหมอพื้นบ้าน ที่เดินทางเพื่อขอเข้าพบและมอบกระเช้าดอกไม้ขอบคุณ นายอนุทิน ที่เดินหน้าเรื่องกัญชา และให้ดำเนินการแก้ระเบียบคืนความเป็นหมอพื้นบ้านตามเดิม โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณารับรองคุณสมบัติใหม่อีกครั้ง

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาอาจติดขัดในเรื่องกฎระเบียบต่างๆบ้าง เนื่องจากเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ซึ่งจะบอกว่าใครถูกใครผิดคงไม่ได้ เพราะรัฐมนตรีแต่ละท่านก็มีนโยบายไม่เหมือนกัน ก็ขออย่าไปถือโทษอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เนื่องจากท่านก็ดำเนินการตามนโยบาย ไม่ปฏิบัติก็จะบกพร่องในหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการมาหารือกับตนถึงปัญหาที่ทางหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยได้รับเกี่ยวกับระเบียบการรับรองคุณสมบัตินั้น ตนก็ได้เร่งให้แก้ไขระเบียบทันที เพื่อให้คืนสถานะ

“ล่าสุดทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ส่งระเบียบฉบับแก้ไข คือ ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 มาให้ผมลงนาม และในวันนี้(6 ส.ค.) ผมจะลงนามต่อหน้าพวกท่านทุกคน ว่า มีการแก้ไขและคืนสถานะให้แล้ว หลังจากนี้ก็จะรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา พวกท่านหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยก็จะได้สถานะตามเดิม” นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุขอีก 2 ฉบับ คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่จะสามารถปรุง หรือสั่งจ่ายตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 โดยประกาศกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ เป็นการแก้ไขจากเดิม ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กำหนดว่าในการทำยาของแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน จะต้องใช้วัตถุดิบที่เป็นเครื่องกัญชากลาง ซึ่งเจตนาจะมีหน่วยผลิตกลางจัดทำขึ้น เพื่อป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่ในข้อเท็จจริงหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยที่จะปรุงยาเฉพาะรายไม่ได้ใช้เครื่องกัญชากลาง ต้องใช้พืชใบสด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามแก้ไขทั้ง 2 ประกาศที่จะทำให้แพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านสามารถใช้ยาได้โดยไม่ติดต้องใช้เครื่องกัญชากลาง

“ทั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีฯ ได้ลงนามประกาศทั้ง 2 ฉบับแล้วเช่นกัน ซึ่งจะทำให้มีความสะดวก และใช้ได้ตามภูมิปัญญา ซึ่งได้ผ่านคณะกรรมการยาเสพติดฯ เมื่อประชุมคราวที่แล้ว ก็จะทำให้การพัฒนาหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยในการปรุงเฉพาะรายจะดีขึ้น โดยจะมีผลหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา” เลขาธิการ อย.กล่าว

นายเดชา กล่าวว่า ต้องขอขอบพระคุณท่านอนุทิน ที่เห็นใจและเข้าใจหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรักษาด้วยกัญชานั้น ตนอยากขอความเห็นใจให้นำผู้ป่วยของตนกว่า 4 หมื่นคนเข้าสู่กระบวนการรักษาของกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และใช้ตำรับคล้ายของตนเอง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่ใช้กัญชารักษาโรคจริงๆมีอีกมากประมาณ 8 แสนถึง 2 ล้านคน

น.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า มีข้อเสนอต่อท่านอนุทินเกี่ยวกับนโยบายการปลูกกัญชา ตนเสนอขอให้หมอพื้นบ้นและแพทย์แผนไทยเป็นผู้ปลูกกัญชาสำหรับรักษาผู้ป่วยของตนเองก่อน จะขยายไปยังอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เพราะกลุ่มหมอพื้นบ้านจะมีการรับรองคุณสมบัติอยู่ว่า การรักษาต้องไม่เก็บเงิน หากมีการเก็บเงินก็จะถูกถอนใบประกอบวิชาชีพ และยังมีโทษทางอาญาด้วย

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง