ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ลงนามวิจัยกัญชง-กัญชา หาสาระสำคัญเพิ่ม พร้อมส่งมอบตำรับยากัญชา 2 สูตรให้โรงพยาบาล 13 แห่ง เผยมีคลินิกกัญชาในโรงพยาบาลศูนย์อีกหลายแห่งประสานความต้องการใช้เช่นกัน

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2562 ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวภายหลังพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร และผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง ระหว่างกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จะมีการพัฒนาวิจัยต่อยอดสมุนไพรอีกกว่า 96 ชนิด เพื่อต่อยอดเชิงเศรษฐกิจของประเทศต่อไป แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมุนไพรกัญชง และกัญชาด้วย อย่างกัญชาต้องดูว่าจริงๆ แล้วในประเทศไทยมีกี่สายพันธุ์ สายพันธุ์อะไรบ้างที่เป็นสุดยอด รวมถึงการศึกษาหาสารสำคัญเพิ่มเติม

“จากที่ทราบอยู่แล้วว่ามีทีเอชซี ซีบีดี เท่านั้น เช่นเดียวกับกัญชง ซึ่งปัจจุบันเรามีการปลูกอยู่นั้น ส่วนใหญ่ปลูกเป็นเส้นใย แต่จริงๆ แล้วกัญชงจะมีทั้งซีบีดี และโอเมกา 3 ซึ่งเป็นส่วนที่มีประโยชน์ ดังนั้นต้องมีการศึกษาต่อยอด และนำสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพหลายอย่างทั้งยา อาหาร เครื่องดื่ม เพื่อรองรับการปลดล็อกสารซีบีดีออกจากยาเสพติดที่คาดว่าจะปลดได้จริงภายใน 2-3 เดือนนี้ ซึ่งอาจจะช่วยให้ไทยส่งออกได้ โดยประเทศในเอเชียที่ยอมรับการใช้สารซีบีดีเช่นกัน คือประเทศญี่ปุ่น” นพ.มรุต กล่าว

นพ.มรุต กล่าวถึงกัญชาของกลางให้โทษที่ได้จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จำนวน 1,000 กิโลกรัม เพื่อนำมาทำเป็นตำรับยา ว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการเตรียมผลิต ควบคู่กับการเดินหน้าเตรียมพร้อมเรื่องของฉลาก และโรงงานที่ผลิตจะต้องผ่านมาตรฐาน GMP ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จะสามารถผลิตตำรับสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ออกมาได้ โดยเบื้องต้นน่าจะในปริมาณที่มากพอสมควร และขณะนี้เรายังได้ติดต่อโรงพยาบาลปลายทางตั้งแต่วันที่หารือกับทาง ป.ป.ส. แล้วจำนวน 13 แห่ง ที่น่าจะสามารถส่งมอบสารสกัดให้ได้ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลศูนย์อีกหลายแห่งที่เปิดคลินิกกัญชาไปแล้ว ก็มีการประสานเข้ามาว่าอยากได้กัญชาตำรับของแพทย์แผนไทยด้วย

“กรมการแพทย์แผนไทยฯ มีการตรวจสอบต่อไปว่าโรงพยาบาลที่ขอมานั้นมีความพร้อมหรือไม่ หากมีความพร้อมก็พร้อมที่จะส่งมอบกัญชาตำรับแผนไทยให้ ทั้งนี้ยังได้มีการประสานกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อขอให้ช่วยตรวจสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ว่ามีการปนเปื้อนแคดเมียมหรือไม่ ซึ่งกรมวิทย์ก็ระบุว่าตรวจหาสารชนิดเดียวใช้เวลาในการตรวจประมาณ 2-3 วัน โดยในวันที่ 1 กันยายนนี้ มีโอกาสที่จะสามารถส่งสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั้ง 13 แห่ง ที่มีการขออนุญาตเปิดจากคลินิกกัญชาทางการแพทย์กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไว้แล้ว โดยในส่วนของกรมการแพทย์แผนไทยแผนไทยจะมีการผลิตตำรับที่มีส่วนผสมของกัญชาใน 2 ตำรับ ได้แก่ ศุขไสยาสน์ และ น้ำมันกัญชา สูตรนายเดชา ศิริภัทร” นพ.มรุต กล่าว

อนึ่ง โรงพยาบาล 13 แห่ง ที่จะจ่ายน้ำมันเดชาและตำรับศุขไสยาศน์ ประกอบด้วย 1.รพ.เด่นชัย จ.แพร่ 2.รพ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก 3.รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี 4.รพ.เสาไห้ จ.สระบุรี 5.รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม 6.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี 7.รพ.พล จ.ขอนแก่น 8.รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร 9.รพ.สูงเนิน จ.นรราชสีมา 10.รพ.พนา จ.อำนาจเจริญ 11.รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี 12.รพ.ป่าบอน จ.พัทลุง และ 13.รพ.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสานยศเส กรุงเทพมหานคร

เรื่องที่เกี่ยวข้อง