ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผอ.องค์การเภสัชกรรม เผยจัดส่งสารสกัดกัญชาสูตรทีเอชซีสูง 4,500 ขวดให้ 12 รพ.ครบถ้วน ส่วนสูตรซีบีดีสูงจัดส่งครบสัปดาห์หน้า พร้อมเดินหน้าขยายพื้นที่ปลูกกัญชาแบบอินดอร์ปี 63 ผลผลิตเพิ่ม 10 เท่า หรืออีก 1 แสนขวด

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2562 ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของการจัดส่งสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ภายในการประชุมมุมมองหลากมิติของการกำหนดทิศทางกัญชาทางการแพทย์ ว่า สารสกัดกัญชาสูตรทีเอชซีสูงจำนวน 4,500 ขวด อภ.จัดส่งให้แก่กรมการแพทย์และ 12 โรงพยาบาลที่เปิดให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ครบทั้งหมดแล้ว ส่วนสารสกัดกัญชาสูตรซีบีดีสูงจำนวน 500 ขวด และสูตรหนึ่งต่อหนึ่งอีก 1,500 ขวด อยู่ในกระบวนการ ซึ่งยืนยันว่าภายในสิ้นสิงหาคม หรือสัปดาห์หน้าจะสามารถจัดส่งสารสกัดกัญชาส่วนที่เหลือให้แก่กรมการแพทย์และโรงพยาบาลทั้งหมดได้อย่างแน่นอน

ผู้อำนวยการ อภ. กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ก็จะเริ่มปลูกกัญชาทางการแพทย์ในรอบที่ 2 ต่อทันที ซึ่งจะเน้นการปลูกสูตรซีบีดีสูงเพิ่มขึ้น เนื่องจากสูตรซีบีดีสูงมีความเข้มข้นสูง ผลิตได้น้อย จึงจะเน้นในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการปลูกครั้งแรก อภ.ปลูกสูตรซีบีดีเพียง 1 ใน 3 ดังนั้น ในครั้งที่ 2 นี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 ใน 3 โดยคาดว่าจะใช้เวลา 4 เดือน หรือจะได้ผลผลิตออกมาในช่วงธันวาคมนี้ ประมาณอีก 10,000 ขวด

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับระยะต่อไป อภ.จะขยายการปลูกในระดับกึ่งอุตสาหกรรม โดยขยายพื้นที่ในการปลูกแบบอินดอร์ให้เพิ่มมากขึ้นเป็น 1,000 ตารางเมตร ในพื้นที่โรงงานผลิตยารังสิตที่คลอง 10 จ.ปทุมธานี ซึ่ง อภ.ได้รับอนุมัติงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แล้ว 120 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเข้าทำการปรับปรุงอาคารสถานที่ให้มีความพร้อมในการปลูกกัญชาทางการแพทย์ โดยต้นปี 2563 น่าจะเริ่มดำเนินการปลูกได้ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือประมาณ 1 แสนขวด รวมถึงยังมีการร่วมมือกับกรมการแพทย์และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการปลูกกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับใบอนุญาตการปลูกจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษแล้ว คาดว่าจะสามารถเริ่มปลูกได้ภายในกลางเดือนกันยายนนี้

“เรื่องของอาคารสถานที่และระบบความปลอดภัยมีความพร้อมแล้ว โดยการปลูกจะเป็นสายพันธุ์ไทยทั้งหมด ซึ่งปกติจะมีทีเอชซีสูงอยู่แล้ว แต่ก็จะมีการปลูกพันธุ์ไทยที่ให้ซีบีดีสูงและสูตรหนึ่งต่อหนึ่งด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเมล็ดพันธุ์ เพื่อปลูกจำนวน 12,000 ต้น ก็จะได้ประมาณหลักแสนถึงล้านขวด” นพ.วิฑูรย์กล่าว

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ มีการเชิญนายมาร์ติน วูดบริดจ์ นักเภสัชวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาทางการแพทย์จากประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นผู้เขียนลักเกณฑ์คู่มือกัญชาทางการแพทย์ของประเทศนิวซีแลนด์ มาเป็นวิทยากรและร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินการกัญชาทางการแพทย์ของประเทศไทย เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์ จึงเป็นที่จับตาของทั่วโลกว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับการรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัยผู้ป่วย ด้วยการสร้างแนวทางการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ให้ได้มาตรฐานระดับโลก และจะถอดบทเรียนนำผลสรุปเสนอต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต่อไป