ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สธ. ร่วมปลูกต้นกล้ากัญชาเมดิคัลเกรดสายพันธุ์ไทย ที่ม.แม่โจ้  12,000 ต้น พร้อมผลิตสารต้นปี 2563  

 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2562 ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วย ศ.ดร.อานัฐตันโช ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้  นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม และนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  ปลูกต้นกล้ากัญชาทางการแพทย์สายพันธุ์ไทยในระดับอุตสาหกรรมแห่งแรกของอาเซียน  ซึ่งองค์การเภสัชกรรม กรมการแพทย์ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชาและกัญชง เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ตามมาตรฐานเกรดทางการแพทย์ (เมดิคับเกรด)แบบครบวงจร

นายอนุทิน กล่าวว่า การปลูกต้นกล้ากัญชาวันนี้  เป็นกัญชาเกรดทางการแพทย์สายพันธุ์ไทยในระดับอุตสาหกรรมแห่งแรกของอาเซียน จำนวน  12,000 ต้น  คาดว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2563  จะสามารถส่งวัตถุดิบกัญชาดอกแห้ง จำนวน 2,400กิโลกรัม ให้องค์การเภสัชกรรม(อภ.) และเครือข่ายสกัดเป็นยาจากสารสกัดกัญชา 
สร้างการเข้าถึงได้มากขึ้นในช่องทางสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต ทั้งโรงพยาบาลภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งคลินิกต่างๆ เป็นต้น 

 

ศ.ดร.อานัฐ ตันโช ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นหน่วยงานต้นน้ำ เห็นว่าเพื่อให้ได้ต้นกัญชาแห้งที่มีคุณภาพเกรดทางการแพทย์นั้น ต้องปลูกภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เป็นไปตามแนวทางของหลักเกณฑ์มาตรฐานการปฏิบัติด้านเกษตรอินทรีย์หรือ IFOAM, USDA Organic Standard ซึ่งเป็นระบบเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐานสากลในระดับโลก และด้วยกัญชายังมีสถานะเป็นยาเสพติด มาตรการรักษาความปลอดภัยจึงจำเป็นต้องดำเนินการตามแนวทางของหลักเกณฑ์มาตรฐานการปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่ดี หรือGSP (Good Security Practices) การปลูกตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์นั้น ได้ดำเนินการปลูกด้วยระบบไร้สารเคมีสังเคราะห์ โดยการใช้วัสดุเพาะกล้า วัสดุปลูก ธาตุอาหารพืช จุลินทรีย์กำจัดศัตรูพืชทั้งเชื้อราและกำจัดแมลง ตลอดจนแมลงตัวห้ำ โดยวัสดุทั้งหมดที่ใช้ได้รับการรับรองในระบบเกษตรอินทรีย์ที่ผลิตในระบบอุตสาหกรรม

ส่วนมาตรฐาน GSP นั้น ใช้ระบบความปลอดภัยตามแบบมาตรฐานของอย. ปปส. อภ. ที่ควบคุมการผลิตในบริเวณที่ควบคุมอย่างเข้มงวด ด้านการเช้าออกบริเวณที่ปลูกพืชในระบบปิด ทั้งโรงเพาะกล้า โรงปลูก ด้วยระบบสแกนนิ้ว กล้องวงจรปิด รั้วล้อมรอบ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และสามารถตรวจดูได้จากระบบสื่อสารทางไกลจากผู้เกี่ยวข้องและบันทึกข้อมูลไว้ตรวจสอบจากระบบได้มากกว่าหนึ่งปี

นพ.โสภณ  เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม(บอร์ด อภ.)  กล่าวว่า  สายพันธุ์กัญชาที่ปลูกในครั้งนี้ เป็นสายพันธุ์ไทย ทีมงานขององค์การเภสัชกรรม จะตรวจประเมินในระหว่างการปลูกอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง โดยดอกกัญชาแห้ง จะถูกควบคุมคุณภาพผ่านการตรวจวิเคราะห์สิ่งปนเปื้อนจากห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐาน การบรรจุดอกกัญชาแห้งจะต้องบรรจุในถุงอลูมิเนียมฟอยด์เพื่อป้องกันความชื้น 

ด้านนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวว่า มั่นใจว่าผลผลิตที่ได้จากความร่วมมือในครั้งนี้  จะได้น้ำมันกัญชาเกรดทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมาตรฐานครบวงจรตั้งแต่การปลูก การสกัดเป็นยาซึ่งกรมการแพทย์จะได้นำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยควบคู่ไปกับการวิจัยอย่างต่อเนื่อง  โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้นำน้ำมันกัญชาล็อตแรกไปทำการศึกษาวิจัยเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง เพื่อศึกษาฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนเซลล์มะเร็ง 10 ชนิด ขณะนี้รอผลการทดลอง

ทั้งนี้ กรมการแพทย์ได้จัดอบรมหลักสูตรการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ มีแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร ผ่านการอบรมแล้ว 5,600 คน และเปิดคลินิกให้คำปรึกษาการใช้กัญชาทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลในสังกัด ให้บริการแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการรักษาครอบคลุมกลุ่มโรคที่มีผลวิจัยยืนยันทางการแพทย์ ให้คำแนะนำและติดตาม รวมทั้งเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้   นอกจากนี้  ในส่วนพยาบาลที่ต้องทำงานในคลินิกกัญชาฯจะอบรมทั้งหมดภายในเดือนกันยายนนี้