ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เดินหน้าลดอัตราตายจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือ 10 ต่อแสนประชากรในปี 63 เผย กทม. รั้งอันดับ 1 คนตายจากอุบัติเหตุบนถนน 6 ปีซ้อน 90% เป็นจักรยานยนต์ อึ้งคนตายส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น วัยทำงาน ทำชาติเสียทรัพยากรมนุษย์ กระทบเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ประเทศ ประกาศวาง 4 มาตรการสู่การเป็น "มหานครปลอดภัย ปลอดอุบัติเหตุทางถนน" ตะเพิดแว้นไปซิ่งในสนาม ชี้ปิดถนนแว๊นซ์ผิดกฎหมาย ตายไปก็มีแต่พ่อแม่เสียใจ

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 ที่โรงแรมเช็นทรา ศูนย์ราชการ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดประชุมสัมมนาการบูรณาการงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกับการป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจรบนท้องถนน และประกาศนโยบาย "มหานครปลอดภัย ปลอดอุบัติเหตุทางถนน" ของกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ร่วมประชุมประมาณ 300 คน

นายสาธิต กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนน เพราะการสูญเสียแต่ละปีเป็นสิ่งที่เราไม่อยากจะคำนวณ ตอนนี้ประเทศไทยมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเป็นอันดับ 9 ของโลก แต่ละปีมีคนเสียชีวิตกว่า 2.2 หมื่นคน ในขณะที่กรุงเทพฯ มีคนเสียชีวิตจากอุบัติทางถนนเป็นอันดับ 1 ของประเทศถึง 6 ปีซ้อน สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 232,000 ล้านบาท มีคนที่ต้องพิการ และกระทบกับคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัวอีกจำนวนมาก วันนี้กรุงเทพฯ จะมีการประกาศการเป็นมหานครแห่งความปลอดภัยฯ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินมาตรการต่าง ๆ จึงหวังว่าจะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ และเสียชีวิตจากท้องถนนลงได้มากกว่านี้

รมช.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเต็มที่ เช่นปีนี้จะมีการบังคับใช้กฎหมายเอาผิดกับคนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ประกอบกับมาตรการอื่น ๆ เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือไม่เกิน 10 ต่อแสนประชากร ภายในปี 2563 ภายใต้กรอบทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน 8 ข้อ คือ 1.ส่งเสริมการใช้หมวกนิรภัย 2.เมาไม่ขับ 3.แก้ไขจุดเสี่ยง 4.ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด 5.ยกระดับมาตรฐานยานพาหนะ 6.พัฒนาสมรรถนะคนใช้รถใช้ถนน 7.พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ทั่วถึงและเข้าถึงรวดเร็ว และ 8.พัฒนาระบบการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนให้เข้มแข็ง นอกจากนี้ ในวันที่ 31 ธ.ค.62 และวันที่ 1 ม.ค.63 ตนจะมีการลงพื้นที่โคราชตรวจจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุด้วย

ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ประเทศไทยมีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากความไม่ปลอดภัยทางถนนอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก โดยประชาชนในกลุ่มวัยเรียน และวัยทำงานเป็นกลุ่มที่มีอัตราเสียชีวิตมากที่สุด นำมาซึ่งความสูญเสียทรัพยากรบุคคล และภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว รวมถึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการขยายตัวของเมืองอย่างก้าวกระโดด จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นมหานครที่มีความหลากหลาย ถือเป็นความท้าทายในการแก้ไขปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการเดินทาง โดยมีทิศทางการทำงาน 4 ด้าน คือ

1. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประโยชน์ในการจัดลำดับความเสี่ยง เช่น ถนน ผู้ขับขี่ ยานพาหนะ รวมถึงมลภาวะจากการใช้รถใช้ถนนอย่างฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

2.เป็นแหล่งรวมข้อมูลเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ

3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ตั้งแต่การร่วมคิด ร่วมทำ และประเมินผล เพื่อการแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่

และ 4.สนับสนุนความปลอดภัยในการเดินทางของกลุ่มเสี่ยง อาทิ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นโยบายและแนวทางทั้ง 4 ข้อนี้จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาจราจร การสร้างทางเลือกในการเดินทาง และการจัดระเบียบพื้นที่ เพื่อให้ผู้ที่ใช้ถนน ทางเข้า และทางม้าลาย สามารถสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย และสามารถใช้ประโยชน์อื่น ๆ ร่วมกันโดยไม่กระทบต่อการเดินทาง มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุม การแก้ไขปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมตามกลไกของ Smart City เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการเดินทางและพัฒนาไปสู่การเป็นมหานครต้นแบบแห่งความปลอดภัยของโลกให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้

“กว่า 90% ของอุบัติเหตุทางถนนในกรุงเทพเกิดจากรถจักรยานยนต์ แทรกไป แซงมา ขับเร็ว ไม่สวมหมวกกันน็อก รวมถึงมีนักซิ่งลักลอบปิดถนนแข่งกัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บเสียชีวิตกันเยอะ บอกเลยว่าถ้าอยากจะแข่งรถให้ไปบุรีรัมย์นู่นเขามีสนามแข่งให้ ชนะก็มีรางวัลให้ มาปิดถนนแข่งแบบนี้ผิดกฎหมาย บาดเจ็บ เสียชีวิตก็มีแต่พ่อ แม่ที่ต้องเสียใจ ส่วนอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะก็มี แต่น้อย ส่วนใหญ่เป็นรถประจำทางสายที่เป็นเจ้าประจำที่เราก็รู้ว่าสายไหน ขับแข่ง แซงกันไปมา ไม่พอใจก็ทะเลาะวิวาท กระเป๋า กระปี๋ก็ลงมาตบกัน” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว และว่าส่วนช่วงปีใหม่ถนนโล่ง ก็ขอให้ขับขี่กันด้วยความระมัดระวัง อย่าขับเร็ว ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด