ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำ ยังไม่พบการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 จากประเทศจีนในไทย กรณีที่พบ 1 รายนั้น ติดเชื้อจากต่างประเทศ และไทยตรวจพบได้ที่ด่านควบคุมโรค ก่อนเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรค

ภายหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ตรวจพบผู้ป่วยที่มีภาวะโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งพบรายแรกในประเทศไทย จากการสกัดได้ที่ด่านควบคุมโรคสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นผู้ป่วยหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี มีไข้สูง 38 องศาเซลเซียส และได้รับตัวเข้ามารักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว ไม่พบผู้ใกล้ชิดติดเชื้อดังกล่าวนั้น

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ 2019 ในประเทศไทย โดยที่พบรายแรกในประเทศไทยนั้น จริง ๆ ไม่ใช่ เป็นการเข้ามาในประเทศ ไม่ได้เกิดจากประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีนี้ได้มีการสกัดตรวจพบที่ด่านสุวรรณภูมิอย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโรคนี้พบที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ เพราะต้องรอข้อมูลจากทางจีน แต่ด้วยประเทศไทยมีประสบการณ์ในการเฝ้าระวังและควบคุมโรคต่าง ๆ ทั้งซาร์ส เมอร์ส ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงไม่ต้องกังวล ประเทศไทยได้มีการประสานข้อมูลจากจีน และองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด

นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า สำหรับอาการที่เข้าข่ายการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ 2019 นั้น โดยหลักต้องมีประวัติเดินทางมาจากจีน และหากมีอาการไข้ภายใน 14 วันต้องรีบพบแพทย์ อย่างไรก็ตาม อาการไข้ก็ขึ้นอยู่กับบุคคล บางคนยังไม่แสดงอาการ หรือบางคนอาจมีอาการไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หากยังไม่ดีขึ้นก็ต้องรีบพบแพทย์ ทั้งนี้ ในบางรายอาจมีความรุนแรงมีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ ปอดบวม คือ หายใจช้า หายใจหอบ ถ้ารุนแรงอีก อาจติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน บางรายนอกจากเป็นที่ปอดอักเสบแล้ว ยังอาจเติดเชื้อในกระแสโลหิตเข้าขั้นวิกฤตได้ ดังนั้น หากเริ่มป่วยและมีประวัติมาจากจีนต้องรีบพบแพทย์จะดีที่สุด

“สรุปคือ หากมีประวัติเคยไปประเทศจีนภายใน 14 วัน และมีไข้ อย่างไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว มีอาการของระบบทางเดินหายใจตั้งแต่น้อยไปมาก ก็ควรพบแพทย์จะดีที่สุด เรื่องนี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ทางกรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ประสานไปยังสถานพยาบาลนอกสังกัด ทั้งโรงเรียนแพทย์ สังกัด กทม. และสถานพยาบาลเอกชนในการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เข้าข่ายแล้ว หากพบให้ประสานมาทางกระทรวงสาธารณสุขทันที” นพ.สุวรรณชัย กล่าว