ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รายงานผลการประชุมจากองค์การอนามัยโลกเมื่อวานนี้ 23 January 2020

มีคนเสียชีวิตไป 17 ราย จากจำนวนเคสที่ได้รับรายงานว่าเป็นโรคนี้ทั้งสิ้น 557 ราย

คิดเป็นอัตราตายจากการเป็นโรค หรือ Case fatality rate (CFR) = 4%

อนึ่ง CFR นี้เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่บอกถึงความรุนแรงของโรค ยิ่งมีค่ามาก ยิ่งรุนแรงมาก นั่นคือมีโอกาสที่จะเสียชีวิตสูง เช่น โรคพิษสุนัขบ้ามีค่า CFR >99%

ในกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรค 2019-nCoV นี้ พบว่ามีอาการหนักประมาณ 25% หรือหนึ่งในสี่

มีการแพร่เชื้อในเมือง Wuhan ไปแล้วถึง 4 ขั้น (4th generation) หรือแปลง่าย ๆ ว่า คนแพร่เชื้อต่อต่อกันไปถึง 4 ระลอก

แต่นอกเมือง Wuhan นั้น ตอนนี้แพร่ไป 2 ระลอก

นอกจากมีเคสรายงานแน่นอนที่เกาหลี ญี่ปุ่น และไทยแล้ว ตอนนี้มีเคสที่มีโอกาสเป็นโรคนี้ที่สิงคโปร์ด้วย

ตอนนี้มีการคาดประมาณความสามารถในการแพร่เชื้อของ Coronavirus จากจีนตัวนี้ว่า ค่า Reproduction number (R0) น่าจะอยู่ระหว่าง 1.4-2.5

หากเปรียบเทียบกับโรคที่เคยระบาดในอดีต ค่า R0 ของ SARS และ MERS Co-V จะอยู่ที่ 3 และ 2-5 ตามลำดับ

รังโรคที่เป็นแหล่งทำให้เกิดการแพร่เชื้อ 2019-nCoV นั้นยังไม่แน่ใจ มีความเป็นไปได้ที่จะมาจากสัตว์

เชื้อ Coronavirus นี้อยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อไข้หวัด รวมถึงโรค SARS และ MERS โดยเชื้อจากจีนนี้เป็นไวรัสใหม่ที่ได้ชื่อว่า 2019-nCoV ดังนั้นการติดโรคนี้คนไข้จึงมีอาการและอาการแสดงของระบบทางเดินหายใจ การป้องกันจึงเน้นเหมือนโรคทางเดินหายใจคือ

1. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์

2. หากมีอาการไอหรือจาม ต้องปิดปากและจมูก และใส่หน้ากากอนามัย

3. อย่าเข้าใกล้คนที่มีอาการไข้ ไอ หรือจาม

4. หากรู้ตัวว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา

5. เลี่ยงการเดินทางไปในที่ที่มีการระบาดของโรค

หากอ่านข่าวจะพบว่าการกระทำบางอย่างนั้นอันตราย เช่น บางคนมีอาการไข้ไอ แต่ห่วงเที่ยว เลยกินยาลดไข้เพื่อหวังจะผ่านด่านตรวจที่สนามบิน แต่หารู้ไม่ว่า อาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้างได้

ดังนั้นอย่าทำเช่นนั้นเลย

ด้วยรักต่อทุกคน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อ้างอิง

Statement on the meeting of the International Health Regulations (2005) Emergency Committee regarding the outbreak of novel coronavirus (2019-nCoV). World Health Organization. 23 January 2020.