ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เตรียมแผนรับมือหากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดในไทย ระบุองค์การอนามัยโลกไม่แนะนำ ปิดการค้า-การเดินทางห้ามนักท่องเที่ยวเข้า เผยยังไม่พบผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่ม จำนวนผู้ป่วยยังคง 14 คน พร้อมย้ำมาตรการตรวจคัดกรองยังเข้มข้น

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวความคืบหน้าการเฝ้าระวังควบคุมโรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า จากการเฝ้าระวังข้อมูล 24 ชั่วโมงที่ผ่านมายังไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ เพิ่มเติมแต่อย่างใด ยอดผู้ป่วยสะสมที่ยืนยันขณะนี้อยู่ที่ 14 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 5 ราย ยังอยู่ในห้องแยกโรคของสถาบันบำราศนราดูร และ รพ.ราชวิถี อาการดีขึ้น ไม่มีอะไรน่ากังวล และยังขอยืนยันว่ายังไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศไทยแต่อย่างใด ทั้งหมดเป็นผู้ที่รับเชื้อมาจากประเทศจีนทั้งสิ้น ส่วนประเทศที่มีการพบผู้ป่วยในประเทศ ซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยนั้นคือที่ประเทศญี่ปุ่น และเยอรมัน

ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมตั้งแต่วันที่ 3 – 28 ม.ค. มี 158 ราย โดยเป็นการคัดกรองได้ที่สนามบิน 29 คน เดินเข้ามาที่สถานพยาบาลเอง 129 ราย โดยในจำนวน 158 รายนี้ ให้กลับบ้านแล้ว 62 ราย โดยพบว่าเป็นการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โนโรไวรัส และติดเชื้ออื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเฉพาะเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา มีคนที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 22 ราย เท่ากับว่า ณ วันนี้เรามีการแลผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่มาจากหลายเมืองของจีน ไม่เฉพาะแค่เมืองอู่ฮั่นเท่านั้น ทั้งนี้เรียนว่าการเจอผู้ป่วยเข้าเกณฑ์นั้นจะเจอได้ทุกวัน

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขออย่าเชื่อข่าวลือใด ๆ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามมาที่กระทรวงสาธารณสุข หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ หรือเฟสบุ๊คกรมควบคุมโรค และต้องขอความร่วมมือกับประชาชนอย่าแชร์ข่าวลือ ข่าวลวงจนทำให้เกิดความตื่นตระหนก และล่าสุดวันนี้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับเชื้อดังกล่าวแล้ว 7 ราย เพราะฉะนั้นขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวลวง หากแชร์จะมีความผิดไปด้วย

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เรามีมาตรการรับมือโรคดังกล่าวเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว แต่ก็มีการเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดการระบาดรุนแรงเอาไว้ด้วย ซึ่งระยะเวลาบอกไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ อาจจะวันนี้ พรุ่งนี้หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่เราต้องเตรียมการเผื่อสถานการณ์เลวร้าย ดังนั้นในวันที่ 30 ม.ค.จะมีการประชุมร่วมกับทีมที่เกี่ยวข้องในทุกจังหวัดเพื่อวางแผนรับมือการระบาดในวงจำกัด เช่นบางพื้นที่ จะทำอย่างไร แล้วถ้าขยายวงกว้างจะทำอย่างไร โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้นอกจากการตรวจคัดกรองในนักท่องเที่ยวแล้วยังขยายการคัดกรองในคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนด้วย อาทิ ไกด์นำเที่ยว หมอนวดไทย เป็นต้น หากคนกลุ่มนี้มีไข้ ไอ เจ็บคอ จะต้องนำเข้าระบบการเฝ้าระวังด้วย

เมื่อถามว่าเนื่องจากมีการประเมินสถานการณ์อาจจะลากยาวถึง 6 เดือน ทีมควบคุมป้องกันโรคยังต้องเตรียมการอะไรเพิ่มหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ที่เราทำอยู่ตอนนี้ถือว่าเพียงพอ ทางกรมการแพทย์ และกองทัพก็ส่งบุคลากรมาเสริมการทำงานของเรา นับว่าเป็นเรื่องดี แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องการอีกมากคือเครื่องวัดอุณหภูมิมือถือแบบที่ใช้วัดอุณหภูมิโดยไม่สัมผัสตัวบุคคล อาจจะต้องสั่งซื้อเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้กับโรคระบาดต้องขอความร่วมมือกับประชาชนในการสวมหน้ากากอนามัยให้เป็นนิสัยกันตั้งแต่วันนี้ หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ไม่ไปในพื้นที่แออัด ส่วนกรณีที่มีหลายคนกังวลว่าทำไมถึงไม่สั่งห้ามคนจากพื้นที่ระบาดเข้าไทยนั้นเรียนว่าเรื่องนี้ต้องดูหลายอย่าง ตอนนี้มีจีน ญี่ปุ่น และเยอรมันที่พบผู้ป่วยในประเทศ องค์การอนามัยโลกระบุว่าการปิดการค้าการเดินทางเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ และตอนนี้องค์การอนามัยโลกก็ยังไม่ประกาศห้ามการเดินทาง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทำงานลำบากเพราะมีการเมืองแทรกแซง นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทีมเฝ้าระวังควบคุมโรคของเราทำงานอย่างมีอิสระมาก ไม่มีการแทรกแซงจากภาคการเมืองเลย ในทางกลับกันยังได้รับการสนับสนุนการทำงานอย่างสะดวกมากขึ้นด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุขยังสั่งการให้เราทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนมั่นใจ พวกเราเป็นนักสู้ ถ้าอนาคตจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงเราจะไม่ยอม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ป้องกันไม่ให้บอบช้ำให้มากที่สุด