ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สำนักข่าว South China Morning Post ของฮ่องกง เผยสภาพของ อู่ฮั่น เมืองต้นกำเนิดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ขณะนี้กลายเป็น “เมืองร้าง” หลังรัฐบาลจีนประกาศปิดเมือง ปิดสถานีรถไฟ สถานีรถบัส สนามบิน รวมถึงตั้งด่านสกัดรถยนต์ ห้ามไม่ให้ประชากร 9 ล้านคน เคลื่อนย้ายออกจากเมือง ตั้งแต่เมื่อคืนวันพุธที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา

บรรยากาศช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค. เส้นทางไฮเวย์สายหลัก พบการจราจรติดขัดยาวหลายกิโลเมตรในเส้นทางขาออกนอกเมือง โดยมีทหาร – ตำรวจ พร้อมอาวุธประจำการ ร่วมกับแพทย์ – บุคลากรสาธารณสุขประจำจุดตรวจว่าจะอนุญาตให้ใครเดินทางออกนอกเมืองได้บ้าง ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่น เน้นย้ำว่าห้ามออกนอกเมืองโดยเด็ดขาด หากไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ

ทำให้สถานการณ์ภายในเมืองอู่ฮั่นล่าสุด กลายเป็นเมืองร้าง ชาวเมืองอู่ฮั่นจำนวนมาก เร่งจับจ่ายใช้สอยในซุปเปอร์มาร์เก็ตภายในเมือง เพื่อกักตุนอาหารสด - อาหารแห้ง ให้ได้มากที่สุด โดยราคา “กะหล่ำปลี” ขณะนี้ พุ่งไปถึงหัวละ 35 หยวน หรือประมาณ 155 บาทแล้ว ขณะที่วัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารในอู่ฮั่น ก็เริ่มขาดแคลนแล้ว

อย่างไรก็ตาม เชนซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมือง ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้วัตถุดิบขาดแคลน และจะเปิดให้บริการกับชาวเมืองตามปกติต่อไป

สิ่งที่จำเป็นที่สุดอาจเป็น “หน้ากากอนามัย” รายงานข่าวจากบริษัท Jiuzhou Pharmaceutical Group รายงานว่า ในวันที่ 21 ม.ค. วันเดียว ได้ส่งหน้ากากมากกว่า 5 แสนชุด ออกจากโรงงาน โดยตลาดใหญ่ที่สุดหนีไม่พ้นที่เมืองอู่ฮั่น โดยในวันถัดมา คือวันที่ 22 ม.ค. ได้ส่งหน้ากากเพิ่มอีกราว 1 เท่าตัว หรือมากกว่า 1 ล้านชุด พร้อมกับสต็อก “ทามิฟลู” ยาต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่ม หลังตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้น

South China Morning Post ยังรายงานด้วยว่า มีข่าว “รั่ว” ออกมาจากเจ้าหน้าที่รัฐประมาณ 1-2 วันก่อนหน้าคำสั่ง “ชัตดาวน์” ทำให้คนอู่ฮั่นจำนวนหนึ่ง สามารถ “อพยพ” ออกจากเมืองได้ทัน โดยจำนวนมากตั้งใจกลับภูมิลำเนา - เยี่ยมญาติ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

เจ้าของบาร์เบียร์รายหนึ่งในอู่ฮั่น บอกว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ที่ต้องปิดร้าน อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับช่วงการระบาดของโรคซาร์ส ระหว่างปี 2545 – 2546 ครั้งนี้ ยังถือว่าเบากว่า เพราะในช่วงนั้น เจ้าหน้าที่รัฐ ถึงกับสั่งไม่ให้ชาวเมืองออกจากบ้านโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ โรงแรมในอู่ฮั่นหลายแห่งก็ประกาศ งดรับผู้เข้าพักเพิ่มเติมเช่นกัน

รายงานข่าวเดียวกัน ยังยืนยันว่า แม้จีนจะเข้มงวดเรื่องการเดินทางออกนอกเมือง แต่ในเมืองรอบข้างอู่ฮั่น เช่น หมาเฉิง ซึ่งอยู่ห่างจากอู่ฮั่นไปราว 40 นาที หากเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง กลับไม่มีการตรวจสอบ – กักกัน – ควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ทั้งที่ประชากรจำนวนมากในเมืองล้วนเดินทางมาจากอู่ฮั่นด้วยกันทั้งนั้น

สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 582 ราย เสียชีวิต 17 ราย ผู้ติดเชื้อมากที่สุดอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ 571 ราย ตามด้วยไทย 4 ราย ฮ่องกง 2 ราย มาเก๊า ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อย่างละ 1 ราย

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้อ้างอิงรายงานจาก Imperial College London สหราชอาณาจักร ประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดว่าอาจสูงถึง 4,000 ราย เฉพาะในอู่ฮั่นเมืองเดียว โดยใช้ฐานการคาดการณ์จากการประกาศตัวเลขทางการทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ และที่อื่นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จีนยังคงยืนยันว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังอยู่ที่ 582 ราย และยังสามาถควบคุมสถานการณ์ได้

สำนักข่าวรอยเตอร์ส ยังรายงานว่า องค์การอนามัยโลก อาจตัดสินใจประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ด้าน “โรคระบาด” ภายในวันนี้ (23 ม.ค.) ซึ่งจะทำให้นานาชาติ สามารถเตรียมแผนรับมือกับการระบาดได้ดีขึ้น ซึ่งหากมีการประกาศ จะถือเป็นครั้งที่ 6 ของทศวรรษนี้ ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม เบรนแดน เมอร์ฟีย์ เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดจากออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ส ยืนยันว่า เมื่อพิจารณาลักษณะโรค โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ยังไม่อันตรายเท่ากับโรคซาร์ส หรือโรคเมอร์ส ซึ่งคร่าชีวิตคนไปทั่วโลกแล้วมากกว่า 700 คน ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา

ส่วน ทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในเจนีวา ชื่นชมรัฐบาลจีนว่าสามารถจัดการกับโคโรนาไวรัสได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ได้ร้องขอให้รัฐบาลปักกิ่ง เพิ่มมาตรการในการ “จำกัดวง” การแพร่ระบาด ไม่ให้แพร่ออกไปยังประเทศอื่นทั่วโลกให้มากกว่านี้

แปลและเรียบเรียงโดย สุภชาติ เล็บนาค

อ้างอิงจาก

1.China coronavirus: as travel ban is issued for Wuhan, many in city rush to escape [www.scmp.com]

2.China locks down city of 11 million at epicenter of virus outbreak [www.reuters.com]