ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยบุคลากรทางการแพทย์ ติดไวรัสโคน่า 19 หรือ โควิด-19 1 ราย หลังสัมผัสผู้ป่วยรายที่ 27 ซึ่งขณะนั้นถูกวินิจฉัยเป็นโรคอื่นโดยไม่สวมเครื่องป้องกัน ส่วนที่อยู่ระหว่างติดตามอีก 24 ราย ผลตรวจยังเป็นลบ ปลัด สธ.เตรียมถกผู้ปฏิบัติงานทั่วประเทศ กำชับเข้มมาตรการป้องกันตัวเอง ชงของบกลางจ่ายค่าเสี่ยงภัยคนทำงาน พร้อมประสาน อย.นำเข้ายานอก รักษาผู้ป่วยหนัก แจง ผู้โดยสารเรือ Westerdam 9 คนเดินทางเข้าไทยแล้ว ตรวจสอบไม่มีไข้

เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2563 เวลา 11.20 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า จากการประชุมผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวรัสวิทยา ระบาดวิทยาและห้องแลปยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ เพศหญิงอายุ 35 ปี โดยเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อฯ รายที่ 27 อย่างไรก็ตามมีการติดตามบุคลากรทางการแพทย์อีก 24 รายตรวจแล้วไม่พบเชื้อฯ ขณะเดียวกันบุคลากรที่ติดเชื้อรายใหม่นี้ไม่มีครอบครัว อยู่ตามลำพังจึงไม่มีผู้ต้องเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเพิ่มเติมในส่วนของครอบครัว

“จากการสอบสวนพบว่าบุคลากรที่ติดเชื้อรายใหม่นี้ ขณะปฏิบัติภารกิจที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยรายที่ 27 ซึ่งขณะนั้นรักษาตัวอยู่ในรพ.เอกชน แห่งหนึ่ง โดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยและชุดป้องกัน จึงจัดอยู่ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่อยู่ในระบบการติดตามเฝ้าระวังของทีมสอบสวนควบคุมโรคตั้งแต่ต้น ต่อมามีอาการไข้ ไอ เหนื่อย จึงส่งตัวมาอยู่ห้องแยกโรคที่สถาบันบำราศนราดูร ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำให้บุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชน ทุกครั้งที่ต้องให้บริการผู้ป่วนโรคระบบทางเดินหายใจ จัดและใช้อุปกรณ์ป้องกันให้เหมาะสม ซึ่งตอนนี้ขวัญและกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ยังดีอยู่” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว และว่า การติดเชื้อในบุคลากรสามารถพบได้ โดยที่จีน มีรายงานบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อฯ 1,716 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.8 ของผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดที่ได้รับการยืนยันผลทั่วประเทศจีน และมีบุคลากรที่ติดเชื้อเสียชีวิต 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตทั้งหมดของประเทศจีน

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้เราให้การรักษาผู้ป่วยหายเพิ่มอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ดังนั้นสรุปว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด -19 สะสม 34 ราย รักษาหายแล้ว 14 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ.20 ราย อาการดีขึ้น แต่ในส่วนของผู้ป่วยชาวไทยที่อาการหนัก 2 ราย ตั้งแต่แรกรับ โดย 1 รายที่มีภาวะวิกฤติทางระบบทางเดินหายใจแพทย์ได้ใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด ร่วมกับการใช้เครื่องช่วยหายใจปกติ ส่วนอีกรายที่มีวัณโรคร่วมไม่ได้ใช้เครื่องช่วยพยุงปอด และทั้ง 2 รายได้รับการรักษาเพิ่มเติมด้วยการรับน้ำเลือดจากผู้ป่วยที่หายดีไปแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งแพทย์กำลังพิจารณาให้เป็นครั้งที่ 2 เพื่อช่วยในการรักษา ขณะนี้ถือว่าอาการผู้ป่วย 2 รายยังทรงตัว อัตราแลกเปลี่ยนออกซิเจนในเลือดดีขึ้น

ขณะนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีรายงานการในการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์รักษาไวรัสโคโรนา 19 ได้ ซึ่งเดิมยานี้เคยถูกนำมาใช้ในการรักษาไข้เลือดออกอีโบลา อย่างไรก็ตาม ยาดังกล่าวมีการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ดังนั้นจึงได้ประสานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการนำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์เข้ามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยอาการรุนแรงทั้ง 2 ราย พร้อมทั้งสำรองส่วนหนึ่งเอาไว้ด้วย หากแพทย์พิจารณาแล้วเห็นว่าควรใช้กับผู้ป่วยรายใดก็ให้ใช้ แต่ไม่ใช่ยาตัวแรก หรือเป็นยาลำดับรองสำหรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ แต่อย่างใด เพราะเป็นโรคใหม่ที่ยังไม่มีแนวทางการรักษาอย่างเป็นทางการ

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเตรียมประชุมทางไกลร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ เพื่อหารือถึงมาตรการกลไกการต้องระวังและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงพยาบาล เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่ต้องเฝ้าระวังเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ บุคลากรทางการแพทย์ก็เปรียบเหมือนนักรบด่านหน้าที่ต้องเสี่ยงต่อสู้กับเชื้อโรค ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เรื่องขวัญกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่เราจะตอบแทนได้คือค่าเสี่ยงภัย ซึ่งผู้บริหารได้สั่งการให้จัดทำงบประมาณขาขึ้น เพื่อเสนอของบกลางมาเป็นค่าเสี่ยงภัยให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย คาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องตัวเลขและเสนอต่อผู้บริหารได้ภายในสัปดาห์หน้า

ขณะที่ นพ.สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากเรือ Westerdam กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มข้น โดยเมื่อวันที่ 14 ก.พ.เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย 9 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 8 คน ที่เข้ามาต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางต่อไปยังยุโรป และอเมริกา ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีไข้ ส่วนอีก 1 คนเป็นคนไทยตรวจสอบแล้วไม่มีไข้เช่นเดียวกัน แต่ก็ยังเฝ้าระวังตามมาตรฐานป้องกันควบคุมโรค ทั้งนี้ยังได้รับรายงานว่ามีคนไทยอีก 2 คนแจ้งขอกลับเข้ามาในประเทศในเร็วๆ นี้