ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘อนุทิน’ ขอคนไทยอย่าทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา เห็นแก่ตั๋วเครื่องบินถูก เดินทางเข้าประเทศโรคโควิด-19 ระบาด ลั่น หากยังพบเคสละเมิดคำแนะนำ ประกาศกักตัวคุมโรค 14 วันแน่นอน

ภายหลังกรณีพบผู้ป่วยชายเข้ารับการรักษาที่ รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ด้วยอาการไข้ ไอ หลังเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ก่อนจะยอมรับในภายหลัง ทำให้มีบุคลากรของ รพ.เป็นผู้เสี่ยงสูง 30 คน รวมถึงต้องมีการขยายผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ออกไปในวงกว้าง ทั้งที่โรงเรียนของหลาน ที่ทำงานพ่อของหลาน ผู้ร่วมเดินทางท่องเที่ยว และผู้โดยสารสายการบินเดียวกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2563 เวลา 11.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (26 ก.พ.) ร่างประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งตนพร้อมลงนามเพื่อเสนอให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 วันจึงประกาศใช้ ทั้งนี้ การประกาศก็เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ให้บุคลากรเปลี่ยนสภาพจากเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงาน ทำงานโดยมีกฎหมายรองรับ สามารถปฏิบัติการหลายเรื่องโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการตามปกติ ข้อจำกัดหลายอย่างจะถูกยกเว้นได้

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมามีการตรวจพบผู้ป่วยชาวต่างชาติซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเรือไดมอนปริ๊นเซส 2 คนเดินทางเข้ามาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเจ้าตัวไม่ทราบว่าป่วย จึงต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจพบและเจรจาด้วยดีทำให้ทั้ง 2 คนเข้าใจ และเดินทางกลับโดยมีการตรวจและแยกที่นั่งพิเศษ เลี่ยงการสัมผัสคนอื่น ๆ ให้มากที่สุด ย้ำว่าตอนนี้ไทยยังไม่ได้สู่ระบาดระยะที่ 3

"อย่างเคสที่ รพ.บี.แคร์ ต้องตำหนิ ที่ไม่ยอมทำตามคำแนะนำ เดินทางกลับมา มีไข้ ติดต่อคนในบ้าน ยังมีการสัญจรไปมา ตรงนี้ถ้าเราไม่เจอก่อนจะมีโอกาสเป็น Super Spreader หรือคนที่มีความสามารถในการแพร่โรคได้จำนวนมากได้ เราไม่อยากมีคุณลุง ที่เหมือนคุณป้าที่ต่างประเทศ โชคดีที่เราจับตัวได้ก่อน แค่คนเดียว ทำให้เราต้องไปติดตามคนอีกมากอาจจะถึงร้อยคน ทั้งคนที่ รพ. และโรงเรียนของหลานอีก" นายอนุทิน กล่าว และว่ากรณีที่ยังไม่ยอมบอกประวัติการเดินทางพื้นที่เสี่ยงนั้น จะเอาผิดหรือไม่ เดี๋ยวค่อยว่ากัน รอให้หายก่อน

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า อยากขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการทุกแห่ง ยังไม่อยากใช้กฎหมาย จึงขอให้เลื่อนการประชุมในประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะการไปท่องเที่ยว และขอวิงวอนสายการบินหยุดโปรโมชั่นตั๋วราคาถูกเพื่อให้คนไปเที่ยว ค่าตั๋วอาจถูกแต่ค่ารักษาแพง ค่าเสียโอกาสอีกมาก เกิดติดเชื้อแล้วอาจจะกลายเป็นการไปเที่ยวครั้งสุดท้าย ฉะนั้นขอให้เที่ยวไทยให้เงินหมุนสะพัดในประเทศ เพื่อช่วยเพื่อนร่วมชาติ ช่วยเศรษฐกิจไทย เรื่องนี้ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ใช่ให้ฝ่ายสาธารณสุขไล่เก็บอย่างเดียว

“วันนี้เรายังไม่บังคับกักตัวเพื่อควบคุมโรค 14 วัน ยังเป็นการขอความร่วมมืออยู่ แต่ยังมีคนไม่รู้สึกรู้สา อวดดีคิดว่าแข็งแรง แหกคอก เอาตัวเองไปพื้นที่เสี่ยง เป็นการบั่นทอนกำลังใจคนทำงาน เพราะฉะนั้นขอความร่วมมือให้ช่วยเจ้าหน้าที่ หากยังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกก็จะใช้มาตรการทางกฎหมายกักตัวคุมโรค 14 วันทุกคน ทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายมาก ส่วนเรื่องการชุมนุมทางการเมืองเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ขอให้ดูสถานการณ์ ถ้ารักและห่วงกันจริง ๆ ควรคัดกรองคนมีไข้ จัดหาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้ด้วย แต่ถ้า ณ วันนั้น มีสถานการณ์อะไรที่น่ากลัว อาจจะมีคนที่อยู่ระหว่างฟักตัวของเชื้ออาจใช้มาตรการณ์ทางกฎหมาย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ขอให้เลื่อนไปก่อน” นายอนุทิน กล่าว