ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ประชุมผู้เชี่ยวชาญ คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ปรับนโยบายและยุทธศาสตร์รองรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประสิทธิภาพการดูแลประชาชนในประเทศ ยืนยันจะบังคับใช้กฎหมายตามความเหมาะสม ระบุยังไปไม่ถึงระดับ 3 แต่ถ้าเข้าสู่ระดับ 3 ก็มีแผนการจัดการ

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข และให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันหารือนโยบายและยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กำหนดแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข รองรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลประชาชนในประเทศ

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้รับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว เราพบผู้ป่วยยืนยันเพียง 40 ราย รักษาหายไปแล้ว 27 ราย กำลังรักษา 13 ราย จากตัวเลขตรงนี้ หาก มองในแง่ดีจะพบว่าอัตราการรักษาหายมีมากถึงร้อยละ 67 ผู้ป่วยที่พบติดเชื้อมาจากต่างประเทศ และทราบต้น ตอการติดเชื้อชัดเจน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินงานเพื่อยืดระยะเวลาของการระบาด ให้สถานการณ์ใน ประเทศยังอยู่ในระยะที่ 2 ให้นานที่สุด ยืนยันว่ายังไปไม่ถึงระดับ 3 แต่ถ้าเข้าสู่ระดับ 3 ก็มีแผนการจัดการ ที่สุดแล้วความสำเร็จจะเกิดได้เมื่อทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราอยากจะขอร้องประชาชน องค์กร ห้างร้านและส่วนราชการ คือขอให้ช่วยกันลดอัตราการเสี่ยงที่จะไปรับเชื้อ ด้วยการงดเดินทางไปยังประเทศหรือเมืองที่มีการระบาด เรายังเข้มการคัดกรองติดตามค้นหาตัวผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากประเทศกลุ่มเสี่ยงขอให้ช่วยกันร่วมมือกันกักกัน (quarantine) ตัวเอง 14 วัน เป็นคำแนะนำยังไม่ได้ออกประกาศบังคับ ถ้าจะบังคับใช้ก็จะเป็นกรณี ๆ ไป ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ Covid-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย สามารถบังคับใช้กฎหมายกับบางคนได้ เพื่ออำนวยความสะดวกกับเจ้าหน้าที่ แต่เราจะทำอย่างเหมาะสม และกระทบกับประชาชนให้น้อย เช่น หากพบผู้ติดเชื้อ มีกระบวนการสืบย้อน พบว่านั่งเครื่องบินกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง จะไม่สั่งกักตัวผู้โดยสารทั้งลำหากไม่จำเป็น แต่จะสั่งกักผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่คนอื่นจะขอความร่วมมือ ส่วนในเรื่องยา องค์การเภสัชกรรมมีความพร้อมสำหรับการใช้ยา ไม่ได้เป็นยารักษาโดยตรง แต่เพื่อประคับประคองอาการ หากผู้ป่วยมีร่างกายแข็งแรง จะมีภูมิคุ้มกันไปสู้กับไวรัส หายป่วยได้เอง

"ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลักปฏิบัติตามคำแนะนำ ล้างมือทุกวัน กินของสุก กินร้อนทุกวัน ใช้ช้อนกลาง ไม่ไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง จะช่วยให้ควบคุมสถานการณ์ของโรคได้ ที่ผ่านมาภาครัฐ นำเสนอแต่ความจริง ไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดข้อมูล เราเชื่อเสมอว่า การพูดความจริงทั้งหมด ทำให้ประชาชนตื่นตัว รู้ทันโรค ไม่ประมาท การปกปิดข้อมูลยิ่งจะสร้างผลเสียกับสังคม ซึ่งไม่ใช่นโยบายของเรา” นายอนุทิน กล่าว