ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 เม.ย.2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่วันนี้(18 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 33 ราย โดยผู้ป่วยสะสมรวม 2,733 ราย กระจาย 68 จังหวัดทั่วประเทศ หายป่วยและกลับบ้าน 1,787 ราย กำลังรักษาในรพ. 899 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในวันนี้ (18 เม.ย.) รวมผู้เสียชีวิต 47 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวน 47 รายนั้น ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.-17 เม.ย. พบอัตราป่วยตาย 1.7% ซึ่งถือว่าต่ำ เพราะประเทศอื่นๆค่าเฉลี่ย 4-5% แสดงถึงศักยภาพทางการแพทย์ของไทย โดยสัญชาติไทยพบ 87% ต่างชาติ 13% ค่าเฉลี่ยอายุ 57 ปี โดยอายุต่ำที่สุด 28 ปี สูงสุดอายุ 85 ปี ดังนั้น อายุน้อยๆ อย่างเด็กๆ 0-9 ปี และอายุ 10-19 ปี ไม่มีผู้เสียชีวิต

“ โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 47 ราย เป็นเพศชาย มากกว่าเพศหญิง นอกจากนี้ สำหรับโรคประจำตัวที่พบร่วมในผู้เสียชีวิต 47 ราย พบว่า อันดับ 1 คือ เบาหวาน รองลงมา ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ภาวะอ้วน โรคไต ฯลฯ ทั้งนี้ แม้ไม่มีโรคประจำตัวก็เสียชีวิตได้เช่นกัน” โฆษก ศบค. กล่าว และ ว่า อย่างไรก็ตาม ข้อมูล ณ วันที่ 9 เม.ย.2563 พบเสียชีวิต 32 ราย ต่อมาวันที่ 17 เม.ย.พบ 47 ราย ดังนั้น ใน 7 วันเสียชีวิตเพิ่ม 15 ราย

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่พบในผู้ป่วยเสียชีวิต 47 ราย ปรากฏว่า สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ และอยู่ในสถานที่แออัด คือ สถานบันเทิง ร้านอาหาร ปาร์ตี้ บ่อน ที่มีการรวมกลุ่มกัน ปัจจัยเหล่านี้ถือว่ามีความเสี่ยงมาก ตรงนี้จึงต้องขอโยนกรณีมีการไปยืนรอขอรับบริจาค ซึ่งคนยืนแออัดกันมาก ตรงนี้มีความเสี่ยงที่สุด นอกนั้นก็จะเป็นอาชีพเสี่ยง ทั้งขับรถสาธารณะ พนักงานขายของ ร้านอาหาร เป็นต้น