ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายไพศาล บางชวด นายกสภาการสาธารณสุขชุมชน กล่าวว่า จากสาระสำคัญตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 ที่มีมติเห็นชอบให้ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข แบ่งการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการตั้งใหม่เพื่อรองรับการบรรจุกลุ่มบุคลากรที่ให้บริการในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แบ่งออกเป็น 3 ระยะ โดยให้บรรจุข้าราชการ ระยะที่ 1 รวม 25,051 อัตรา ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 ระยะที่ 2 รวม 5,616 อัตรา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นไป และระยะที่ 3 ให้กำหนดตำแหน่งเพื่อรองรับการบรรจุกลุ่มบุคลากรที่ให้บริการหรือสนับสนุนการให้บริการในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ รวม 7,438 อัตรา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป

“ จากการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบรรจุบุคลากรสาธารณสุขดังกล่าวเป็นข้าราชการ โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงระยะเวลานั้น ถือว่าไม่เหมาะสม ขาดความชัดเจน ไม่เป็นธรรม ไม่เสมอภาค และเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนผลกระทบต่อการสร้างขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ที่มีความเสี่ยงทั้งในการทำงานเชิงรุกและเชิงรับในสถานการณ์โรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก และไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะหยุดการแพร่ระบาดลงเมื่อใด” นายไพศาล กล่าว

นายไพศาล กล่าวอีกว่า เห็นด้วยและสนับสนุนมาตรการของรัฐบาลที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับบุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 อาทิ การสนับสนุนเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนสำหรับผู้ปฏิบัติงานโดยตรง ให้ได้รับในอัตราเดือนละ 1,500 บาท และผู้ปฏิบัติงานสนับสนุน ให้ได้รับในอัตราเดือนละ 1,000 บาท การจัดสรรโควตาพิเศษความดีความชอบพิเศษสำหรับบุคลากรสาธารณสุข การลดดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคลกรุงไทยธนวัฏ/ธนาคารออมสิน ระยะเวลา 1 ปี สำหรับบุคลากรสาธารณสุข การปรับอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการสาธารณสุขตามข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข พ.ศ. 2561 กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 จำนวน 2 เท่าจากอัตราเดิม เป็นต้น

นายไพศาล บางชวด กล่าวว่า สภาการสาธารณสุขชุมชนได้ยื่นหนังสือเสนอความเห็นต่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อให้คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะในประเด็นที่ถือเป็นสาระสำคัญที่ระบุไว้ว่า “ให้ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข แบ่งการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการตั้งใหม่เพื่อรองรับการบรรจุกลุ่มบุคลากรที่ให้บริการในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แบ่งออกเป็น 3 ระยะ โดยให้บรรจุข้าราชการ ระยะที่ 1 รวม 25,051 อัตรา ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 ระยะที่ 2 รวม 5,616 อัตรา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นไป และระยะที่ 3 ให้กำหนดตำแหน่งเพื่อรองรับการบรรจุกลุ่มบุคลากรที่ให้บริการหรือสนับสนุนการให้บริการในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ รวม 7,438 อัตรา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป”

“ ควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่โดยให้มีการบรรจุบุคลากรสาธารณสุข (ลูกจ้างชั่วคราว หรือพนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือพนักงานราชการ) เป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยบรรจุพร้อมกันในช่วงระยะเวลาเดียวกันให้ทันในเดือนพฤษภาคม 2563 ด้วยความเป็นธรรมอย่างเหมาะสม มีความโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่มีความตั้งใจร่วมมือกันในทุกสายงานและทุกสาขาวิชาชีพ ทั้งในการทำงานเชิงรุกและเชิงรับเพื่อจัดการสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในการสื่อสารให้ความรู้ การป้องกันควบคุมโรค เฝ้าระวัง ค้นหา ตรวจคัดกรอง สอบสวนโรคในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้ป่วย และกลุ่มผู้สงสัย และการรักษาพยาบาล เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล คือ โควิด-19 เป็นศูนย์ หรือ ZERO COVID-19” นายไพศาล กล่าว