ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ประมาณ 8 คน นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ได้เข้าพบเพื่อหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อหารือถึงแนวทาง คัดค้านการตัดงบประมาณหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (งบบัตรทอง) จำนวน 2,400 ล้านบาทเข้าไปสมทบในกองทุนช่วยเหลือปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

นายนิมิตร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า กลุ่มคนรักหลักประกัน และ รองนายกฯ มีเจตนาเดียวกัน ที่อยากให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการที่ร่วมต่อสู้โควิด-19 จำนวน 45,684 คน. แต่เนื่องจากสปสช. และกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่ดูแลสุขภาพ และปฏิบัติหน้าในภาวะวิกฤต จึงไม่ควรตัดงบ ของทั้ง 2 หน่วยงาน เช่น งบเหมาจ่ายรายหัว 3,600 บาท เป็นงบสำหรับดูแลสุขภาพประชาชนหากถูกตัดออกไป โรงพยาบาลและประชาชนย่อมได้รับผลกระทบ ดังนั้น สปสช.ต้องไปเจรจากับสำนักงบประมาณ ทำความเข้าใจว่าการดึงเงินกลับแล้วส่งคืนเป็นเรื่องวุ่นวายจึงไม่ควรดึงตั้งแต่แรก ทั้งนี้ เครือข่ายฯ จะจับตา งบบัตรทองในไตรมาส 3 ไตรมาส 4 จะต้องได้รับตามปกติ ส่วนค่าตอบแทนสำหรับข้าราชการ ที่บรรจุใหม่เป็นเรื่องที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขต้องไปเจรจากับสำนักงบประมาณ ในการจัดหางบส่วนนี้เพิ่มเติมส่วนตัวมองว่าควรจะเป็นงบที่ตั้งขึ้นใหม่ ไม่ใช่ตัดจากงบเหมาจ่ายรายหัว ปี 63

"จากการหารือ นายอนุทิน พูดชัดว่าเงินนี้ไม่ควรถูกตัดไม่ควรไปแตะต้องไม่ได้บอกว่าเงินตัวนี้ศักดิ์สิทธิ์ แต่หากไปตัดออกจะมีผลกระทบกับการดูแลประชาชน เติมเงินเหมาจ่าย 3,000 บาท เป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับผู้ป่วย ที่จะเกิดขึ้นเป็นคนละเรื่อง กับกรณีโควิด-19 และเท่าที่ทราบ รองนายกฯ บอกว่าเรื่องนี้ได้มีการเจรจากับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งนายกรับปาก ว่าจะไม่มีการตัดงบก็นี้" นายนิมิตร์ กล่าว

ด้าน นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่าเมื่อช่วงเช้าได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีจริง เกี่ยวกับเรื่องขอให้ไม่มีการตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้านบาท แต่ในรายละเอียดขอให้นายกฯ เป็นผู้แถลงด้วยตัวเอง