ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย เผยหญิงตั้งครรภ์สงสัยหรือติดโควิด-19 สามารถให้นมลูกได้ แต่ในรายที่แม่ใช้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ - ดารุนาเวียร์ ยาถูกขับออกทางน้ำนม หากเป็นไปได้ควรเลี่ยงให้นมลูก

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า ช่วงการเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ได้มีการสอบถามผ่านสายด่วนรัฐบาล 1111 ว่าในกรณีหญิงตั้งครรภ์ที่เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อหรือได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อโควิด-19 นั้น สามารถให้นมลูกได้หรือไม่นั้น ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสามารถติดผ่านทางรกหรือทางน้ำนมได้ กรณีแม่เป็นผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อหรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงสามารถให้นมลูกได้

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) มีคำแนะนำว่า หากแม่ที่ติดเชื้อมีอาการไม่มากสามารถให้นมจากเต้าได้ก็ควรทำ แต่ต้องมีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างเคร่งครัดโดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมืออย่างถูกวิธี ห้ามใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า จมูกหรือปาก รวมถึงการหอมแก้มลูกด้วย กรณีที่แม่ติดเชื้อมีอาการรุนแรง เช่น ไอมาก แต่ยังสามารถบีบเก็บน้ำนมได้ ควรให้พ่อหรือผู้ช่วยเป็นผู้ป้อนนมแก่ลูกแทน โดยหากมีผู้ช่วยจะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี มีทักษะ ความรู้และเข้าใจหลักการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างเคร่งครัด การบีบน้ำนมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แม่ยังคงสภาพ ในการให้นมแก่ลูกได้เมื่อหายป่วยแล้ว ทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด-19 จัดเป็นผู้มีความเสี่ยงจะต้องมีการแยกตัวออกจากทารกอื่นและต้องสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน

“ ยังไม่พบหลักฐานที่มีรายงานทางการแพทย์ว่าแม่ที่ติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการและแสดงอาการแตกต่างจากคนทั่วไปหรือมีความเสี่ยงสูงที่โรคจะรุนแรง ยกเว้นในรายที่อ้วนหรือมีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ดีอยู่เดิม ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์ยังสรุปไม่ได้ชัดเจน เนื่องจากข้อมูลมีจำกัด แต่มีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ เพิ่มความรุนแรงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษและเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การรักษาขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค เป็นการรักษาตามอาการ และการใช้ยาต้านไวรัสมีหลายชนิด ซึ่งการพิจารณาใช้ยาต้านไวรัสจึงต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับ สำหรับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ยาสามารถผ่านรกและถูกขับออกทางน้ำนมได้ ทำให้เกิดความพิการแก่ตัวอ่อน ในสัตว์ทดลอง ส่วนยาต้านไวรัสดารุนาเวียร์ (Darunavir) สามารถผ่านทางน้ำนมได้เช่นเดียวกัน" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ดังนั้น การใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวังในการพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับและสื่อสารกับหญิงตั้งครรภ์และญาติให้เข้าใจ กรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) และดารุนาเวียร์ (Darunavir) หากเป็นไปได้ควรเลี่ยงการให้นมลูกในระหว่างที่ได้รับยาด้วย ส่วนการให้ยาต้านไวรัสชนิดอื่น ๆ หญิงหลังคลอดยังสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ