ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ก.พ.ส่งหนังสือแจงการบรรจุตำแหน่งสายงานสนับสนุน หรือแบคออฟฟิศ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้ สธ.เสนอขอตำแหน่งตามความจำเป็นได้ แต่ต้องไม่เกินจำนวนกรอบอัตรากำลังที่กำหนด

หลังจากสหพันธ์แบคออฟฟิศกระทรวงสาธารณสุข ร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลความก้าวหน้าของข้าราชการสายสนับสนุน และการบรรจุลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข ลูกจ้างชั่วคราวที่มีวุฒิของสายงานสนับสนุนบริการให้เป็นข้าราชการ และให้บรรจุพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ลูกจ้างชั่วคราวที่ไม่มีวุฒิของสายงานสนับสนุนเป็นลูกจ้างประจำนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ทำหนังสือที่นร1008.3.3/58 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ถึงสหพันธ์แบคออฟฟิศกระทรวงสาธารณสุข หลังจากที่ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยใจความสำคัญ ระบุว่า หากภายหลังบริบทของงานเปลี่ยนแปลงไป กระทรวงสาธารณสุขสามารถปรับเปลี่ยนสายงานของอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เป็นสายงานบริการทางการแพทย์อื่นๆ ได้ตามความจำเป็น แต่ต้องไม่เกินจำนวนกรอบอัตรากำลังตามที่กำหนด โดยรายละเอียด ดังนี้

1.การบรรจุเป็นข้าราชการของสายงานสนับสนุนในกระทรวงสาธารณสุข

คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2563 ได้มีมติอนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(พนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือลูกจ้างชั่วคราว) ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีงบประมาณ 2563 จำนวน 24สายงาน รวมทั้งสิ้น 38,105 อัตรา และให้พิจารณาการบรรจุแพทย์แผนไทยโดยอาจใช้อัตรากำลังที่เหลืออยู่ไปพร้อมกัน โดยให้กระทรวงสาธารณสุขบรรจุบุคคลดังกล่าว เข้ารับราชการให้ตรงตามตำแหน่งงานที่จ้างอยู่เดิม อย่างไรก็ดี หากภายหลังบริบทของงานเปลี่ยนแปลงไป กระทรวงสาธารณสุขสามารถเสนอ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ปรับเปลี่ยนสายงานของอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เป็นสายงานบริการทางการแพทย์อื่นๆ ได้ตามความจำเป็น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินจำนวนกรอบอัตรากำลังตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) กำหนด และจะต้องสอดคล้องกับแผนปฏิรูปกำลังคน และภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข

2.การยกเลิกบัญชีจำแนกตำแหน่งในสายงานหลักและสายงานสนับสนุนของส่วนราชการ

มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ.2562-2565) ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2562 ได้ปรับปรุงแนวทางการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นแล้ว ทำให้ส่วนราชการไม่จ้องจัดทำบัญชีจำแนกตำแหน่งในสายงานหลักและสายงานสนับสนุนของส่วนราชการ โดยส่วนราชการสามารถพิจารณาเลือกตำแหน่งที่จะทดแทนด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นในภาพรวมของตำแหน่งประเภทวิชาการและประเภททั่วไป ร้อยละ 0-15 ขึ้นอยู่กับขนาดของส่วนราชการ ตั้งแต่สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เป็นต้นไป

3.การยกเว้นการยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำเพื่อใช้ในการบรรจุพนักงานกระทรวงสาธารณสุข และลูกจ้างชั่วคราว

มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ(พ.ศ.2562-2565) ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2562 กำหนดให้ยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำที่ว่างจากผลการเกษียณอายุราชการและว่างโดยเหตุอื่นในระหว่างปีของทุกส่วนราชการ ส่วนราชการจึงไม่สามารถยกเว้นการยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำ เพื่อนำมาบรรจุพนักงานกระทรวงสาธารณสุขและลูกจ้างชั่วคราวได้ อย่างไรก็ดี หากตำแหน่งลูกจ้างประจำดังกล่าว เป็นตำแหน่งลูกจ้างประจำที่เป็นฐานของกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการที่ส่วนราชการได้รับอนุมัติ ส่วนราชการก็สามารถดำเนินการสรรหาและเลือกสรรผู้ปฏิบัติงานที่เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข และลูกจ้างชั่วคราว เพื่อจ้างเป็นพนักงานราชการได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ(คพร.) กำหนด

4.ความก้าวหน้าของสายงานสนับสนุน

สำนักงาน ก.พ. อยู่ระหว่างวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งประเภทวิชาการและตำแหน่งประเภททั่วไป อย่างไรก็ดี การปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งดังกล่าว เป็นกรณีที่จะส่งผลกระทบต่อหลายสายงานทั้งในกระทรวงสาธารณสุขและในส่วนราชการอื่น สำนักงาน ก.พ.จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความก้าวหน้าของแต่ละสายงาน การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐในภาพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านบุคคลของประเทศ ทั้งนี้ เมื่อการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งแล้วเสร็จ สำนักงาน ก.พ. จะแจ้งเวียนให้ส่วนราชการต่างๆ ทราบต่อไป