ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ญี่ปุ่นยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ แต่ห้าม 11 ปท.เข้าเหตุมีผู้ติดเชื้อสูง ขณะที่ไทยห้ามอยู่ก่อนแล้ว เพราะปัจจุบันปิดปท. ส่วนผู้ที่ติดเชื้อกลับจากตปท. ล้วนเป็นคนไทยขอกลับ ย้ำมีระบบควบคุมเฝ้าระวังโรค

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 พ.ค. 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศว่า ข้อมูล ณ เวลา 07.00 น. วันที่ 27 พ.ค. พบผู้ป่วยทั่วโลก 5,678,260 ราย รักษาอยู่ในรพ.53,095 ราย หายแล้วจำนวน 2,425,794 ราย มีผู้เสียชีวิต 351,638 ราย สำหรับประเทศติดเชื้อมากที่สุดในกลุ่มอาเซียนและเอเชีย พบว่า อินเดีย ยังพบผู้ติดเชื้อสูงสุด รองลงมาเป็นปากีสถาน บังกลาเทศ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย เป็นต้น

“สำหรับข่าวที่น่าสนใจ พบว่า ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เกิดโรคก่อนไทย แต่ขณะนี้ได้มีการควบคุมโรค และยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ แต่มีการประเมินสถานการณ์ทุกๆ 3 สัปดาห์ และประกาศห้าม 11 ประเทศไม่ให้ประชาชนในประเทศดังกล่าวเข้าญี่ปุ่น ได้แก่ อินเดีย อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ เอลซัลวาดอร์ กานา กินี เคอร์กิสถาน ปากีสถาน และทาจิกิสถาน เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวถึงความจำเป็นที่ไทยต้องห้ามประเทศเหล่านี้เข้าไทยเหมือนญี่ปุ่นหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยของไทยน้อยลงและยังพบการเข้ามาของผู้ป่วยกลับจากต่างประเทศ ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างประเทศ จึงอยากเรียนว่า ขณะนี้ยังปิดประเทศอยู่ คนที่เดินทางกลับเข้าประเทศได้ ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ต้องการกลับเข้าประเทศ โดยรัฐบาลจัดให้คนเข้าประเทศวันละไม่มากเกินไป เพื่อให้เราจัดการผู้เดินทางได้อย่างเหมาะสม ตามขอบแขตห้องที่เราสามารถรับกักกันเฝ้าสังเกตอาการได้ โดยผู้ทีเดินทางกลับก็กระจายตามสถานที่กักกันรัฐจัดให้

“ดังนั้น คนที่เดินทางกลับมาตอนนี้ก็เป็นคนไทยที่มีความจำเป็นต้องกลับมา และได้ยื่นความประสงค์ในการเดินทางทางกลับ ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องเหมาะสมกับสถานการณ์ และขณะนี้ก็ไม่ได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามา” นพ.ธนรักษ์ กล่าว