ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ. ส่งสัญญาณถึงบุคลากรสาธารณสุข ให้ความสำคัญทุกวิชาชีพ พร้อมปรับรองบริหาร รพศ./ รพท. ขึ้นซี 9 ทุกคนจากเดิม ซี 8 และให้ความก้าวหน้ารพช. รวมทั้งสายงานสนับสนุน

เมื่อวันที่  28 พ.ค. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสหพันธ์แบค ออฟฟิศ พนักงาน ลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุขสายสนับสนุน มีการร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังเรียกร้องขอตำแหน่งบรรจุราชการสายงานสนับสนุน เหมือนสายงานวิชาชีพอื่นๆ และเตรียมหยุดงานให้บริการ รพ.ทั่วประเทศหากมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ที่มีการไปติดต่อทางก.พ.กันนั้นตนไม่ทราบ แต่ในส่วนของกระทรวงเองนั้น มองว่าบุคลากรสาธารณสุขมีความสำคัญที่ต้องดูแลทุกคน ทุกวิชาชีพ รวมไปถึงสายงานสนับสนุนด้วย กระทรวงก็ต้องพยายามสนับสนุนเรื่องความก้าวหน้าเต็มที่อยู่แล้ว เช่น หาตำแหน่งพนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือข้าราชการ เป็นต้น พยายามหาทางดูแลเต็มที่

นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า โดยที่พยายามทำอยู่ขณะนี้คือการปรับรองบริหารโรงพยาบาล ของระดับโรงพยาบาลศูนย์(รพศ.) โรงพยาบาลทั่วไป(รพท.) ขึ้นซี 9 ทุกคน จากเดิมระบุว่าเป็นนักจัดการงานทั่วไป หรือ ซี 8 ก็จะปรับให้เป็นนักวิเคราะห์นโยบายและแผน เพื่อขึ้นเป็นซี 9 ต่อไป โดยได้หารือกับผู้เกี่ยวข้อง ตั้งคณะทำงานเรื่องดังกล่าว ส่วนที่ 2 ร่วมกับชมรมผอ.รพ.ชุมชน ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาหัวหน้าบริหารให้เป็นชำนาญการพิเศษของรพ.ชุมชน เพื่อให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น และพยายามปรับเรื่องค่าตอบแทนต่างๆ ให้เกิดความเป็นธรรม โดยประสานไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ให้รพ.ต่างๆ เน้นตามศักยภาพของรพ. กำลังดำเนินการอยู่

“เรื่องความก้าวหน้า ความมั่นคง ก็พยายามสนับสนุนให้เป็นพนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนหาตำแหน่งข้าราชการ เพื่อให้กับกลุ่มแบคออฟฟิศ หรือสายงานสนับสนุน ค่าตอบแทนก็พยายามปรับ เพราะรู้ว่าเป็นบุคคลสำคัญ ภาระงานก็สำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการบรรจุเป็นข้าราชการ แต่การเรียกประชุมช่วงนี้ก็ยังลำบากเพราะมีโควิด” นพ.สุขุม กล่าว

เมื่อถามว่ามีข้อเรียกร้องเรื่องเงินเดือนของบุคลากรสายสนับสนุน ให้รับจากเงินงบประมาณ แทนเงินบำรุง ปลัดสธ.กล่าวว่า ต้องดูตามระเบียบ เราพยายามมีนโยบายที่อยากปรับให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขเข้าสู่ระบบราชการและใช้เงินงบประมาณ ซึ่งเป็นเป้าหมายอยู่แล้ว ตอนนี้มีการบรรจุรอบแรกเรื่องโควิด-19 ได้ถึงร้อยละ 25 ก็ลดภาระเงินบำรุงรพ.ได้ ขณะเดียวกันเรื่องฐานะรพ.ให้มีความมั่นคงนั้น ก็ได้คุยกับ สปสช.เพื่อปรับให้มีเงินบำรุงแน่นอน ส่วนตอนนี้ก็ปรับค่า FTE ใหม่ให้สอดคล้องกับภาระงานที่เป็นจริง จะทำให้เราสามารถจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ ในยุคนิวนอร์มอล การรับค่าตอบแทนต่างๆ จาก สปสช. หรืองบประมาณที่เป็นจริง โดยไม่ได้เน้นการรักษาอย่างเดียว แต่จะต้องมองถึงการแพทย์วิถีใหม่ การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคด้วย

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :

“บุคลากรสธ. -สหพันธ์แบคออฟฟิศ” เตรียมหยุดงาน รพ.ทั่วประเทศ หลังยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน