ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ย้ำแม้สถานการณ์ติดเชื้อในประเทศต่อเนื่อง 14 วัน แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะอาจมีคนติดเชื้อไม่มีอาการปะปนอยู่ ต้องรอดูอย่างน้อย 28-30 วัน ยิ่งเข้าสู่เฟส 4 เปิดเทอม 1 ก.ค. ยิ่งต้องเฝ้าระวัง

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 7 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในสถานที่แยกกักของรัฐ (state quarantine) เท่ากับว่าประเทศไทยไม่มีการติดเชื้อโควิด19 ภายในประเทศต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 14 แล้ว แต่เรายังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะอาจจะมีคนติดเชื้อไม่มีอาการปะปนอยู่ ดังนั้นต้องดูไปก่อน อย่างน้อยต้องปลอดการติดเชื้อในชุมชนอย่างน้อย 28-30 วัน ยิ่งการเปิดกิจกรรม/กิจการเฟส 4 โดยเฉพาะการเปิดโรงเรียน 1 ก.ค.นั้น เราไม่อยากให้มีปัญหาติดเชื้ออีก อยากให้เด็กไทยได้เรียนตามกำหนด ดังนั้นหาก 1 ก.ค. เป็นต้นไป หากเปิดโรงเรียนได้อย่างปลอดภัยเราก็จะสบายใจมากขึ้น

นพ.อนุพงศ์ กล่าวต่อว่า แม้ไม่พบการติดเชื้อในชุมชน 14 วันแล้ว แต่ขอความร่วมมือประชนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือ การไปที่ที่มีคนจำนวนมากยังเป็นสถานที่ที่ยังไม่ปลอดภัย ขอให้ตัดสินใจให้ดีว่าเราจะไปเสี่ยงหรือไม่ ทั้งนี้ ถ้าดูจากประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเช่น เวียดนาม ปลอดเชื้อ 55 วัน ต่อเนื่อง ยังไม่ผ่อนคลายเปิดน่านฟ้าได้ เพราะฉะนั้นไม่มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ แม้กระทั่งคนเวียดนามในต่างประเทศยังไม่ให้เข้า ต่างจากไทย ที่ยังเปิด และยืนดีต้อนรับคนไทยกลับบ้าน แต่ก็ดูแลเต็มที่ในสถานที่แยกกักของรัฐ

เมื่อถามว่าหากเราไม่มีการขยายการอยู่ในสถานที่แยกกัก 14 วัน เมื่อกลับบ้านแล้วควรปฏิบัติอย่างไรเป็นพิเศษหรือไม่ นพ.อนุพงศ์ กล่าว่า เมื่อกักตัวครบ 14 วันแล้ว ตามข้อมูลคือมีโอกาสแพร่โรคน้อย แต่ต่างจากผู้ป่วย หากครบ 14 วัน เมื่อกลับบ้านแล้วยังต้องแยกห่างจากคนอื่นๆ ต่อเนื่องไปจนครบ 1 เดือน หรือ 30 วัน ถึงจะสามารถวางใจได้ .

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีคำถามจากทางบ้านว่า เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้า หากมีการมาจ่อใกล้บริเวณศีรษะ ถือว่าเสี่ยงรับเชื้อหรือไม่ นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ค่อนข้างยากมาก และจริงๆไม่ได้ให้มีการสัมผัสติดกับผิวหนัง ก็คล้ายๆการที่เราไปตรวจเครื่องความดัน ที่ต้องเอาแขนสอดเข้าไป ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะสัมผัสเชื้อโรค และติดกันได้ง่ายๆ และหากเรามีพฤติกรรมในการป้องกันโรคดี ทั้งล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เว้นระยะห่างต่อกัน ไม่ไปที่ชุมนุม ก็ถือว่าเป็นการป้องกันโรคที่ดี