ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อนุทิน ชาญวีรกูล ตั้ง “มล.สมชาย” นั่งปธ.กก.สอบข้อเท็จจริง หลังนักวิชาการอิสระเผยข้อมูล รพ.เรียกรับเงิน 186 แห่ง หาข้อเท็จจริง หากไม่ใช่คนกล่าวหาต้องรับผิดชอบ หากจริง รพ.ต้องรับผิดชอบ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าภายหลังนักวิชาการอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทยาได้ทำการสอบถามผู้แทนยาถึงการเรียกรับเงินของโรงพยาบาลในสังกัดสธ.พบว่าเดือน พ.ย. 2562 มีโรงพยาบาลเรียกเก็บกรณีนี้ถึง 186 แห่ง ว่า สำหรับกรรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี 186 รพ. ประกอบด้วย มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารมว.สธ.เป็นประธานกรรมการฯ นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดสธ. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัด สธ. หัวหน้าสำนักงานกฎหมายของตน คือ พ.ต.อ.ประเวศ วงษ์ประมุข นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผอ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ตัวแทนจากรพ. ตัวแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ซึ่งกรรมการจะเป็นผู้คัดเลือก โดยมีกรอบการทำงานคือให้ทำโดยเร็ว และรายงานตรงถึงตน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรรมการชุดนี้จะสอบไปถึงกรณีมีเอกสารใบเสร็จรับเงินจากบริษัทยา ของรพ.ชุมแพด้วยหรือไม่ นานอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการจะตรวจสอบเป็นมาตรฐานเดียว รวมถึงกรณีเอกสารการรับเงินบริษัทยาของรพ.ชุมแพด้วย ตนไม่ได้เพิกเฉย แต่ก็มีวิธีการแก้ปัญหาของตนที่คงไม่เหมือนคนอื่น ยืนยันว่าทุกอย่างต้องเป็นธรรม ตนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่ผู้เสียหายหรือได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ ตนยึดถือระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ยึดถือรัฐธรรมนูญ

นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนต้องเข้ามาแล้วเพราะมีการกล่าวหารพ.186 แห่ง คิดเป็นร้อยละกว่า 20% ของรพ.ในสังกัดสธ. เรื่องนี้ต้องรับผิดชอบทั้ง 2 ฝ่าย หากไม่จริงคนกล่าวหาก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าจริง รพ.เหล่านั้นก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตรวจสอบไม่ยาก สามารถดูบัญชีธนาคาร ดูการออกใบเสร็จรับเงิน เพราะถ้ามีการบริจาคเข้ามาแบบนี้ต้องมีการเอาไปหักภาษี ถ้าไม่มีตรงนี้ แต่กลับมีเงินเข้ามาจำนวนมากอาจจะมีความผิดปกติอะไรหรือไม่ ส่วนนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยที่เรื่องลุกลามใหญ่โตหรือไม่นั้น ตนไม่อยากให้มองว่าลุกลามใหญ่โต เพราะเรื่องเกิดขึ้นแค่ตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกที่พิสูจน์ไม่ได้

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :

เปิดข้อมูล รพ.สังกัด สธ. เรียกรับเงินบริษัทยา พ.ย.62 ถึง 186 แห่ง มีทั้ง รพศ. รพท. และรพช.