ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เผยผู้ป่วยไทยสะสม 3,141 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ส่วนทั่วโลกติดเชื้อยืนยัน 8.4 ล้าน ฝั่งเอเชีย ประเทศอินเดียมีผู้ป่วยสะสม-รายใหม่เพิ่มขึ้นมากสุด

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 6 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 1 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,141 ราย ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย ตรวจพบในสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ 204 ราย หายกลับบ้านรวม 2,997 ราย รักษาตัวใน รพ. 86 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ ทั้งหมดมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ส่งผลให้ประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ หรือเป็น 0 ต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 24 แล้ว

พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ผู้ป่วยทั้ง 6 ราย แบ่งเป็น 1. เดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย 5 ราย ทุกรายเป็นเพศชาย อาชีพนักศึกษา อายุ 23 ปี 24 ปี 27 ปี และ 26 ปี จำนวน 2 ราย เดินทางมาจากเมืองเจดดาห์ ถึงไทยวันที่ 12 มิ.ย. เข้าพักในโรงแรมใน กทม. ตรวจหาเชื้อวันที่ 16 มิ.ย.แล้วพบเชื้อ ทุกรายไม่มีอาการ อยู่ในระบบการรักษา และ 2. กลับมาจากอินเดีย เป็นเพศหญิงอายุ 26 ปี มาถึงไทยวันที่ 15 มิ.ย. โดยวันที่ 16 มิ.ย. เริ่มมีอาการป่วย คือ มีไข้ จึงตรวจหาเชื้อและผลพบเชื้อ เข้ารับการรักษาในรพ.ในจ.ชลบุรี ทั้งนี้ ช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด ผู้ป่วยเดินทางกลับมาจากซาอุดิอาระเบียมากที่สุด ตามด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย คูเวต และปากีสถาน

พญ.พรรณประภากล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วยยืนยัน 8.4 ล้านราย มีผู้ป่วยรายใหม่ 1.4 แสนราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 5.2 พันราย เสียชีวิตรวม 4.5 แสนราย ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกายังมีผู้ป่วยยืนยันมากที่สุด คือ 2.2 ล้านราย เพิ่มใหม่ 2.6 หมื่นราย ส่วนบราซิลมีผู้ป่วยอันดับ 2 คือ 9.6 แสนราย แต่มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่มากที่สุด 3.1 หมื่นราย ส่วนฝั่งเอเชีย ประเทศอินเดียยังมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุดและมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ 1.3 หมื่นราย สะสมรวม 3.67 แสนราย ส่วนประเทศไทยจากอันดับที่ 90 ลงมาที่ 91 ของโลก

พญ.พรรณประภากล่าวว่า ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ปักกิ่งหลังมีการแพร่เชื้อระบาดระลอกใหม่ คณะกรรมการการศึกษาเทศบาลนครปักกิ่ง จึงให้โรงเรียนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดวเลาที่อยู่ในโรงเรียน เลือกเรียนที่บ้านได้ และเลื่อนเปิดเทอมชั้น ป.1-3 ออกไปก่อน ส่วนบราซิลมีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 1 ล้านรายแล้ว และพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 3.4 หมื่นรายต่อวัน เสียชีวิต 1,282 ราย

เมื่อถามว่ารถโดยสารสาธารณะต่างๆ มีคนจำนวนมาก มีข้อแนะนำอย่างไร พญ.พรรณประภากล่าวว่า หลังผ่อนคลายระยะที่ 4 ประชาชนเริ่มกลับมาทำงานตามปกติและวันที่ 1 ก.ค.จะมีการเปิดการเรียนการสอนทุกระดับชั้น ความหนาแน่นผู้คนออกมาใช้ขนส่งสาธารณะก็จะเพิ่มขึ้น ไม่ว่ารถเมล์ เรือ หรือรถไฟฟ้า ตามประกาศ ศบค.ฉบับที่ 5/2563 เรื่องการโดยสารสาธารณะ กำหนดให้มีความหนาแน่น 70% ของผู้โดยสารรวมทั้งหมด แต่ชั่วโมงเร่งด่วนจะหนาแน่นมากกว่านั้น ที่ทำได้คือต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อ โดยสวมหน้ากากอนามัย สวมปิดทั้งปากและจมูก และพกแอลกอฮอล์เจลเสมอ ลดการสัมผัสในพื้นที่สัมผัสร่วม หากต้องสัมผัสจริงๆ อย่าแคะแกะเกาตา จมูก แต่ควรรีบล้างมือ และเผื่อเวลาการเดินทาง หากเห็นว่ามีความหนาแน่นในขนส่งสาธารณะ อาจรอก่อนและค่อยรอคันถัดไป