ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.แถลงพบป่วยเพิ่ม 5 รายจากซาอุฯ อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พร้อมเผยข้อมูลย้อนหลังวันที่ 12 ม.ค. - 15 เม.ย. ก่อนที่จะมี State Quarantine พบคนต่างชาติ 10 ปท.เดินทางเข้าไทยมากที่สุด

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 5 ราย กลับบ้านเพิ่ม 11 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,146 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย จากสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 209 ราย กลับบ้านรวม 3,008 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย และยังรักษาตัวใน รพ. 80 ราย

ผู้ป่วยทั้งหมดมาจากสถานกักกันที่รัฐจัดให้ โดยกลับมาจากซาอุดิอาระเบียทั้ง 5 ราย เป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 23-26 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 12 มิ.ย. เข้าพักสถานกักกันที่รัฐจัดให้ในกทม. ทุกรายไม่มีอาการ ตรวจหาเชื้อวันที่ 16 มิ.ย. จึงพบการติดเชื้อ ส่วนการติดเชื้อในประเทศยังคงเป็น 0 ต่อเนื่อง ทั้งนี้ คนไทยที่เดินทางกลับจากซาอุดิอาระเบีย ไฟลต์วันที่ 12 มิ.ย. จากเมืองเจดดาห์รวม 195 คน ตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง คือ วันที่ 13 มิ.ย. เจอ 5 ราย วันที่ 18 มิ.ย. เจอ 5 ราย และวันที่ 19 มิ.ย. เจออีก 5 ราย รวมเป็น 15 ราย โดยคนไทยกลับจากซาอุดิอาระเบียจำนวน 274 ราย เจอผู้ติดเชื้อในสถานกักกัน 33 ราย อัตราป่วยร้อยละ 10.22 คิดเป็นอันดับ 2 รองจากคูเวต

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับข้อมูลย้อนหลังวันที่ 12 ม.ค. - 15 เม.ย. ก่อนที่จะมี State Quarantine คนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาพบว่าติดเชื้อโควิด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. จีน 20 ราย 2. สหราชอาณาจักร 15 ราย 3. ฝรั่งเศส 13 ราย 4. สหรัฐอเมริกา 7 ราย 5. เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศละ 6 ราย 6. มาเลเซีย 5 ราย 7. เดนมาร์ก 4 ราย 8. ญี่ปุ่น 4 ราย 9. รัสเซีย 4 ราย และ 10. สิงคโปร์ 4 ราย

ส่วนคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศช่วงวันที่ 4 ก.พ. - 5 เม.ย. มีรายงานติดเชื้อจากประเทศนั้น ดังนี้ 1. สหราชอาณาจักร 104 ราย 2. อินโดนีเซีย 55 ราย 3. มาเลเซีย 51 ราย 4. กัมพูชา 26 ราย 5. ญี่ปุ่น 16 ราย 6. ปากีสถาน 15 ราย 7. สหรัฐอเมริกา 12 ราย 8. ฝรั่งเศส 8 ราย 9. อิตาลี 8 ราย และ 10. สเปน 5 ราย ขณะที่คนไทยกลับจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine วันที่ 8 ก.พ. - ปัจจุบัน ได้แก่ 1. อินโดนีเซีย 63 ราย 2. คูเวต 34 ราย 3. ซาอุอาระเบีย 28 ราย 4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 15 ราย 5. ปากีสถาน 13 ราย 6. อินเดีย 11 ราย 7. กาตาร์ 9 ราย 8. สหรัฐอเมริกา 9 ราย 9. รัสเซีย 5 ราย และ 10. มาเลเซีย 4 ราย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ป่วยยืนยัน 8.5 ล้านราย ป่วยเพิ่มขึ้นวันเดียว 1.4 แสนราย เสียชีวิตเพิ่ม 5 พันราย เสียชีวิตรวม 4.56 แสนราย โดยสหรัฐอเมริกาวันเดียวเกือบ 3 หมื่นราย รวม 2.26 ล้านราย บราซิลรายใหม่ 2.3 หมื่นราย รวม 9.83 แสนราย เรื่องที่น่าสนใจคือ เยอรมนีเจอโควิดระบาดคนงานโรงฆ่าสัตว์ติดเชื้อกว่า 650 ราย จึงสั่งระงับปฏิบัติงานโรงงานแปรรูปเนื้อแห่งหนึ่งในเมือง กือเทอร์สโลห์ กักตัวประชาชนหลายพันรายในบ้าน ตรวจโรคคนงานมากกว่า 1,000 คน ขณะที่อังกฤษติดเชื้อ 58 รายจากโรงฆ่าไก่ในเวลส์ 2 แห่ง ที่ส่งไก่สดไปซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารต่างๆในสหราชอาณาจักร

"จะเห็นว่ากลุ่มผู้ใช้แรงงาน โรงงานต่างๆ จะมีเรื่องของสุขอนามัย อยู่กับเนื้อสัตว์เนื้อสด มีโอกาสเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนเชื้อโรค เราต้องเรียนรู้ตรงนี้ โรงงานต่างๆ ฝากผู้ประอบการดูแลเรื่องอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามกฎหมาย ดูเรื่องความสะอาด สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม หากไม่ต้องการให้มีการติดเชื้อต้องดูแลตัวเองอย่างดี ต้องช่วยกัน ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ก็จะปลอดโรคปลอดภัย เหมือนร่วมกันสวมหน้ากากอนามัย" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว