ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บุคลากรสาธารณสุข รพ.สต.ทั่วประเทศถือป้ายทวงถามการบรรจุข้าราชการรุ่นโควิดรอบ 2-3 พร้อมกัน หวั่นไม่ทัน ก.ย. ด้าน “อนุทิน” เผยไม่คิดทิ้งใครไว้ข้างหลัง มอบรองปลัดดำเนินการ ขณะที่ “หมอณรงค์” เผยทันกรอบเวลาบรรจุแน่นอน

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เฟซบุ๊กแฟนเพจ “หมออนามัยขี้mouth” ได้เผยแพร่ภาพและข้อความที่มีการแชร์กันในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ทั่วประเทศ เรียกร้องขอให้มีการบรรจุเป็นข้าราชการรุ่นโควิด-19 ในรอบเดียวกันกับรอบ 2 เนื่องจากเดิมกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้บุคลากร รพ.สต. บรรจุในรอบ 3 แต่ล่าสุดมีการระบุว่าจะบรรจุในรอบเดียวกัน คือ รอบ 2 และ 3 แต่ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือหรืออะไรที่ยืนยันดังกล่าว โดยการเรียกร้องเป็นการดำเนินการเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ รพ.สต.ของแต่ละแห่ง โดยมีการชูกระดาษเขียนข้อความ ระบุว่า

“คนทำงานด่านหน้า ทวงสัญญาการบรรจุ #อย่าทิ้งคน รพ.สต. สายงาน นักวิชาการสาธารณสุข รพ.สต. ....”

นอกจากนี้ ตัวแทนพนักงานกระทรวงสาธารณสุข พนักงานราชการ และลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน ประจำ รพ.สต. ในจ.สมุทรสาคร ได้ยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องเรื่องดังกล่าว ต่อ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และยื่นต่อส.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ เพื่อขอให้มีการบรรจุทันกันยายน 2563 นี้

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งพยายามทำเต็มที่ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ทุกอย่างก็มีเรื่องของอัตรา ของงบประมาณ หลายปัจจัยประกอบการ ซึ่งอยากจะย้ำว่า เราพยายามหาทางออกในการมีตำแหน่งให้ทุกๆคน ก็คือ การไม่ทิ้งอยู่แล้ว เพียงแต่รูปแบบต่างๆ ก็ต้องมีขั้นตอน ของบางอย่างก็อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่เราก็พยายามเต็มที่ ซึ่งขณะนี้รองปลัดสธ.กำลังดำเนินการตามกระบวนการอยู่

นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดสธ. กล่าวว่า สำหรับการบรรจุข้าราชการในส่วนของ รพ.สต. ที่เดิมระบุว่าจะบรรจุรอบ 2 และ3 พร้อมกันนั้น ยังดำเนินการอยู่ เพียงแต่ขณะนี้รอการพิจารณาของคณะกรรมการกำาหนดเป้าหมายและนโยบายกำาลังคนภาครัฐ (คปร.) ซึ่งกำลังดำเนินการ โดยการบรรจุข้าราชการโควิด-19 ที่เหลือจะต้องบรรจุให้ทันภายในเดือนกันยายน 2563 นี้ หลังจากนั้นก็จะเป็นการพิจารณาในส่วนของบุคลากรสธ.ที่ทำงานโควิดแต่ประสบปัญหาต่างๆ อย่างที่เคยกล่าวไปก็จะต้องมาพิจารณาว่าจะหาทางออกช่วยเหลือกันอย่างไร