ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลขาฯสปสช.เผยผู้สูงอายุ 1 ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ รีบร้องเรียนโทร.1330 ทันที พร้อมรับวัคซีนมีเพียง 4 ล้านโดสไม่พอกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด 7 ล้านคน เตรียมขอเพิ่มอีก 2 ล้านโดสรองรับในอนาคต

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากมีการดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดคลินิกชุมชนอบอุ่นกรณีทุจริตงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) เบื้องต้นยกเลิกสัญญาไป 18 แห่งเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา สปสช.เขต 13 กทม. จึงได้เปิดรับสมัครโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนเพื่อร่วมขึ้นทะเบียนเป็น “หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพื้นที่กรุงเทพมหานคร” โดยเป็นไปตามมติคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ หรือ อปสข.เขต 13 กทม. จึงขอเชิญชวนโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนในพื้นที่ กทม. เข้าเป็นหน่วยบริการบัตรทอง ซึ่งสามารถยื่นสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดย สปสช. จะเร่งตรวจสอบเอกสารหลักฐานสมัครเพื่อให้หน่วยบริการสามารถให้บริการประชาชนได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ทั้งนี้ สปสช. ขอยกเว้นการรับสมัครคลินิกเอกชนที่มีผู้ประกอบการสถานพยาบาลอยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายกรณีทุจริตงบบัตรทอง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหลังจากมีการยกเลิกสัญญาคลินิกที่ทุจริตงบบัตรทอง ส่งผลให้มีผู้สูงอายุส่วนหนึ่งร้องเรียนว่า เป็นกลุ่มที่ต้องได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่ได้รับ ซึ่งไม่ใช่แค่คลินิกที่ถูกยกเลิกสัญญา ในหลายพื้นที่ ทั้งกทม.และต่างจังหวัดก็เช่นกัน นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า จริงๆในต่างจังหวัดจะไม่ค่อยพบปัญหา แต่กทม.น่าจะมากกว่า เพราะจะมีกรณียกเลิกสัญญาคลินิกที่ทุจริตงบบัตรทองด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากกลุ่มเสี่ยงไหนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ให้โทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 ทางเจ้าหน้าที่จะขอเบอร์ติดต่อกลับ และจะประสานเรื่องการรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามสิทธิ์ต่อไป

“จริงๆ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ให้สำหรับกลุ่มเสี่ยงนั้น เรามีจำนวนจำกัดแม้เราจะเพิ่มจำนวนขึ้นแล้วก็ตาม โดยปีนี้เราเพิ่มวัคซีนเป็น 4 ล้านโดส ซึ่งเพิ่มจากเดิม 3 ล้านโดส แต่กลุ่มเสี่ยงมีประมาณ 7 ล้านคน ซึ่งในอนาคตจะเพิ่มอีก 2 ล้านโดส เป็น 6 ล้านโดส” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

เมื่อถามว่าแต่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงส่วนหนึ่งประสานขอรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่เริ่มโครงการ ก็ได้รับคำตอบว่าต้องรอสปสช.จัดส่ง จนกระทั่งปัจจุบันยังไม่ได้รับ ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ในคลินิกที่ถูกยกเลิกสัญญาจากกรณีทุจริตงบบัตรทอง นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า สามารถร้องมาที่สายด่วน สปสช.1330 ซึ่งตามระบบในการจัดส่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้น สปสช.จะเป็นผู้ซื้อ และ อภ.เป็นผู้จัดส่งตามโควตาเดิม ซึ่งก็จะมีตัวเลขฟิกไว้อยู่แล้ว แต่ปีนี้เพิ่มเป็น 4 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย 1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์มากกว่า 4 เดือน 2. เด็ก อายุ 6 เดือน-2 ปี (เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนเต็ม จนถึงอายุ 2 ปี 11 เดือน 29 วัน) 3. ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค คือ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด 4. ผู้สูงอายุ มากกว่า 65 ปี 5. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และ 7. โรคอ้วน น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กก. หรือ ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร