ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.ขอความร่วมมือประชาชนในการสอดส่อง เฝ้าระวังชาวต่างชาติ แรงงานลักลอบเข้าประเทศ หากพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตามกม.

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019หรือโรคโควิด-19     พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย แนวโน้มยังคงที่ พบผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวในสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด โดยวันที่ 23 กันยายน 2563 มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ในจำนวนนี้ เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น 2 ราย เพศหญิง อายุ 39 ปีเป็นพนักงานบริษัท และ53 ปีเป็นแม่บ้าน ผลพบเชื้อไม่มีอาการ และกลับจากประเทศฝรั่งเศส 1 ราย เพศชาย 22 ปี เป็นนักศึกษา ผลพบเชื้อไม่มีอาการ 

ประเทศไทยมีรายงานผู้ติดเชื้อสะสม 3,514 ราย หายแล้ว 3,345 ราย เสียชีวิต 59 ราย โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด มาจากต่างประเทศ 1,069 ราย และติดเชื้อในประเทศ 2,445 ราย ภาพรวมส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน 20-39 ปี สำหรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด กว่า 96,000 ราย จาก 64 ประเทศ มีการตรวจพบติดเชื้อ 576 ราย จาก 40 ประเทศ อัตราการติดเชื้อของคนเดินกลับเข้าไทย 0.6% 

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19ในประเทศเมียนมามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีการเฝ้าระวังต่อเนื่อง เพราะมีพรมแดนติดต่อกันเป็นระยะทางยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐมอญ ติดต่อกับจ.กาญจนบุรี มีผู้ติดเชื้อกว่า 100 ราย รัฐกะเหรี่ยง ติดกับจ.แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี มีผู้รัฐฉาน ติดกับจ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และภาคตะนาวศรี ติดกับจ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ซึ่งขณะนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงชุมชนที่ตั้งอยู่แนวชายแดน พยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย หากตรวจจับได้ก็จะมีผลักดันกลับประเทศต้นทาง ไม่ให้มีการนำเชื้อเข้าประเทศ

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการลักลอบเข้าแม้จะมีการตรวจจับ จึงขอความร่วมมือประชาชนในการสอดส่อง เฝ้าระวังชาวต่างชาติ แรงงานลักลอบเข้าประเทศอยู่ที่ไหน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเข้าไปจัดกระบวนการกักตัวเหมือนที่มาจากต่างประเทศและตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ส่วนผู้ประกอบการ หากต้องการแรงงานกลับเข้ามาทำงาน รัฐบาลได้มีการเปิดช่องทางอนุญาตให้ผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานเดินทางเข้าได้ แต่จะต้องผ่านกระบวนการตามข้อกำหนดกักตัว 14 วัน หากนำเข้าอย่างถูกกฎหมายจะช่วยป้องกันระบาดในประเทศไทย 

"ณ ปัจจุบันประเทศไทยผ่านการระบาดและรอบหนึ่งแล้ว ขณะนี้อยู่ในระยะของการเฝ้าระวังและเตรียมการความพร้อมรับมือหากมีการระบาดในระลอกต่อไป ซึ่งประชาชนสามารถใช้ชีวิตปกติแบบวิถีชีวิตใหม่ได้ แต่จะผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ส่วนหนึ่งจะไม่มีอาการ ซึ่งอาจจะเดินปะปนอยู่ในชุมชนม ดังนั้น หากใครเดินทางไปในที่ชุมชนขอให้ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และเข้าใช้บริการที่ไหนให้สแกนไทยชนะ" พญ.วลัยรัตน์กล่าว

นอกจากนี้ ผู้ติดเชื้ออีกส่วนจะมีอาการทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ อาจจะมีหรือไม่มีอาการไข้ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หากพบว่าตัวเองหรือครอบครัวที่มีอาการเหล่านี้เพียงเล็กน้อย หรือคิดว่าตนเองมีความเสี่ยง เช่น ไปในที่ชุมนุมชน ขอให้ไปรับการตรวจโควิด-19ได้ที่รพ.ทุกแห่ง ที่สำคัญ ขอให้ร่วมกันเฝ้าระวังในชุมชน หากพบว่ามีผู้ป่วยทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อนอย่างน้อย4-5คน ต้องสงสัยว่ามีการระบาดของโรคทางเดินหายใจเกิดขึ้น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะมีทีมลงไปสอบสวนโรคและตรวจทั้งโควิด-19และไข้หวัดใหญ่ เพื่อจะได้ควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดและหยุดการระบาดได้โดยเร็ว

ด้าน พญ.ศศิธร ตั้งสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนยังคงสแกนแพลตฟอร์มไทยชนะ เมื่อเข้าใช้บริการในสถานที่ใด และสถานประกอบการลงทะเบียนรับคิวอาร์โค้ด ที่ www.ไทยชนะ.com ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ คือ 1. ให้การปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและ 2. เพื่อช่วยให้การสอบสวนโรคกระทำได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งหากมีความเสี่ยงเกิดขึ้นในสถานที่ใดจะช่วยให้สามารถติดตามและสอบสวนโรค โดยการส่งข้อความไปยังผู้ที่สแกนไทยชนะให้ปฏิบัติตัวได้ทันที ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแพลตฟอร์มไทยชนะสามารถสอบถามได้ที่โทร 1119