ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ที่ปรึกษากรมการแพทย์ปาฐกถาเนื่องในวันมหิดล เผยอีก 10 ปีไวรัสโคโรนาจ่อรอคิวแพร่มายังคนจำนวนมาก เหตุจากนักวิทย์ฯไทยทำงานกับจีนตรวจพบเชื้อในค้างคาวรอแพร่มายังคนอีกเพียบ ส่วนความเสี่ยงระบาดระลอกใหม่ในไทย ต้องระวังปท.เพื่อนบ้าน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ก.ย. ที่ตึกสยามมินทร์ชั้น 7 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหิดล จัดงานปาฐกถาเทิดพระเกียรติ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2563  ซึ่งได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก Siriraj Conference 

โดย รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ปาฐกถาเรื่อง COVID-19 เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ว่า โควิดในอนาคตจะเป็น Big Game Changer ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะทางภาคใต้ของจีนมีนักวิทยาศาสตร์ไทยไปทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีน และตรวจเชื้อจากค้างคาว จนพบว่าค้างคาวยังมีเชื้อไวรัสโคโรนาที่มีโอกาสแพร่มายังคนเรียงคิวอีกเยอะ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างเมื่อช่วงเช้าวันนี้(24 ก.ย.) ราว 32 ล้านคนแล้ว และเสียชีวิตเกือบ 1 ล้านคน เริ่มต้นจาก ธ.ค.2562 ซึ่งจีนพยายามหาเคสแรกสุด คือ เคสที่ศูนย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากปลายเดือนพ.ย. 2562 ขณะที่ทีมแพทย์สาธารณสุขไทยจัดประชุมวันที่ 26 ธ.ค. เราทำประชุมไข้หวัดนก แต่แฝงประเด็นไวรัสโคโรนาจากอู่ฮั่นไว้ เพราะไทยได้ข้อมูลมา แม้จีนจะยังไม่หใข้อมูลอะไร ซึ่งเรามีการเตรียมพร้อมมาตลอด

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า ประเทศไทยมีโควิดระลอกแรกแล้ว ตอนนี้กำลังกังวลเรื่องโควิดระลอกใหม่ อย่างดีเจที่ติดเชื้อโควิดนั้น แน่นอนว่าติดในประเทศ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าติดมาจากไหน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นความเสี่ยงสูงคือ ประเทศเพื่อนบ้านเราทางด้านตะวันตกที่มีการติดโควิดสูง จนแซงหน้าไทย ซึ่งพื้นที่อยู่แถบติดทางแม่สอด จึงต้องมีมาตรการสกัดโควิดเข้าไทย มีทั้งทหารลาดตระเวนเพื่อเฝ้าระวังคนหลบหนีเข้ามา ซึ่งก็จับได้ตลอด ทั้งนี้ สิ่งสำคัญไทยยังต้องเข้มมาตรการล้างมือ เว้นระยะห่าง และใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าว และว่า สำหรับการต่อสู้โควิด19 ของไทยถือว่าเข้มมาก เพราะอย่างช่วงเวลาที่เริ่มมีการควบคุมสำคัญมาก ต้องมีมาตรการเข้มงวด ซึ่งปกติหากจะมีการล็อกดาวน์จะทำเมื่อมีการติดเชื้อไม่เกิน 0.5 ต่อแสนประชากรต่อวัน แต่ไทยเราควบคุมที่ตัวเลข 0.02ต่อแสนต่อวัน หรือไม่เกิน 350 คนต่อวัน ซึ่งเราทำเร็วและเข้มมาตรการมาก เพราะเรายังตรวจทุกคนที่เราสงสัย และแอดมิดทุกคน ซึ่งองค์การอนามัยโลกชื่นชมไทยในการควบคุมเฝ้าระวังโควิด19 ขณะที่นิวยอร์กไทม์ ยังแปลกใจในการควบคุมโรคโรคได้

“สรุปเหตุการณ์โควิดเราไม่เคยประมาท เชื้อโรค มีการฝึกอบรมมาตลอด 20 ปี เรามีประสบการณ์ของผู้อาวุโสทางการแพทย์ในทุกด้าน ที่สำคัญแพทย์ต้องมีสัมผัสที่หก คือ ต้องรู้สึกแปลกๆ ได้กลิ่นของเชื้อโรค มีการประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้านตามกำลังทรัพยากรเท่าที่มี และแกนหลักสำคัญของเราคือ ระบาดวิทยา แพทย์พยาบาล การตรวจแล็บ และอสม.ที่เข้มแข็ง และการแพทย์ต้องนำการเมือง ซึ่งโชคดีการเมืองชุดนี้เขาฟังทางการแพทย์ ที่สำคัญอีกอย่างคือ ประชาชนให้ความร่วมมือ เชื่อมั่นและปฏิบัติตาม” ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าว