ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลขาธิการ สปสช. ลงพื้นที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ-บางขุนเทียน ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิกคลินิกเอกชนเบิกเท็จงบบัตรทอง ย้ำสิทธิบัตรทองไม่หายไปไหน ผู้ได้รับผลกระทบไปรับบริการที่หน่วยบริการคู่สัญญา สปสช.ได้ทุกที่

 

วันที่ 25 ก.ย. นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผู้อำนวยการ สปสช.เขต 13 กทม. ลงพื้นที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่นและโรงพยาบาลอีกบางแห่งที่ทุจริตการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ รวม 64 แห่ง โดย นพ.ศักดิ์ชัย ได้กล่าวขออภัยประชาชนที่ได้รับความไม่สะดวกในขณะนี้ แต่เนื่องจาก สปสช. ไม่สามารถปล่อยให้การทุจริตดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งหน่วยงานของรัฐก็ไม่สามารถทำธุรกรรมกับคู่สัญญาที่ผิดกฎหมายได้ จึงมีความจำเป็นต้องยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการเหล่านี้ และจะเร่งดำเนินการจัดหาหน่วยบริการประจำมารองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด

 

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวย้ำว่า การยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการที่ทุจริตไม่ได้หมายความว่าสิทธิการรักษาของประชาชนจะถูกยกเลิกไปด้วย ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก การที่หน่วยบริการประจำของประชาชนถูกยกเลิกสัญญา จะทำให้ประชาชนกลุ่มนี้กลายเป็นสิทธิว่าง หมายถึงเป็นสิทธิที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการประจำ ซึ่งในระหว่างนี้ประชาชนสามารถไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. โรงพยาบาลของรัฐ รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมเป็นคู่สัญญาร่วมให้บริการกับ สปสช. ได้ทุกแห่ง และไม่จำเป็นต้องกลับไปขอประวัติการรักษาจากคลินิกเดิม สามารถถือบัตรประชาชนเข้าไปรับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้เลย โดยแพทย์หรือบุคลากรของหน่วยบริการใหม่สามารถเรียกดูข้อมูลประวัติการรักษาจากฐานข้อมูลของ สปสช.ได้อยู่แล้ว

สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง เช่น มีนัดผ่าตัดล่วงหน้า ต้องรับเคมีบำบัด หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องได้รับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง กลุ่มนี้ สปสช.ได้ติดต่อประสานไปยังผู้ป่วยโดยตรงแล้วเพื่อจัดหาหน่วยบริการมารองรับ ให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกลุ่มผู้ที่ต้องได้รับยาต่อเนื่อง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น สามารถนำซองยาเดิมไปรับบริการที่หน่วยบริการไหนก็ได้ หรือหากไม่มีซองยาก็ยังสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้เลย เพราะเจ้าหน้าที่สามารถเรียกดูประวัติการรักษาได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เนื่องจากเรื่องนี้ค่อนข้างฉุกละหุก ทำให้การสื่อการกับประชาชนอาจยังไม่ครอบคลุมหรือมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น ซึ่งต้องขออภัยต่อประชาชนในความไม่สะดวกอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ สปสช.จะเร่งจัดหาหน่วยบริการหรือคลินิกรายใหม่เข้ามารองรับให้ท่านเลือกลงทะเบียนโดยเร็วที่สุด คาดว่าในอีก 1-2 เดือนจะหน่วยบริการใหม่เพิ่มเติมเข้ามาในระบบได้ ซึ่งเมื่อจัดหาหน่วยบริการประจำให้ผู้รับบริการได้แล้ว สปสช.จะทำการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้เลือกลงทะเบียนหน่วยบริการ

ด้าน นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ เกิดเฉพาะในพื้นที่ กทม. เท่านั้น ซึ่งทั้ง 64 หน่วยบริการที่ สปสช.ยกเลิกสัญญาเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นหน่วยบริการในพื้นที่แถบฝั่งธนบุรี ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน บางคอแหลม บางแค ซึ่ง สปสช.จะเร่งประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่องว่า ระหว่างนี้สามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการคู่สัญญาของ สปสช. ได้ทุกแห่ง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบเข้ามาทำเรื่องขอย้ายหน่วยบริการในขณะนี้เพราะ สปสช.จะเร่งจัดหาหน่วยบริการใหม่ให้ประชาชนเลือกลงทะเบียนโดยเร็ว ทั้งนี้ ประชาชนที่ไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบหรือไม่ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นของ สปสช.เพื่อล็อกอินเข้าไปตรวจสอบได้ หากตรวจสอบแล้วมีแต่ชื่อตัวเอง ไม่มีชื่อหน่วยบริการประจำอยู่ด้วย แสดงว่าตอนนี้เป็นสิทธิว่าง หรือหากไม่สะดวกใช้แอปฯ ก็สามารถแอดไลน์ @UCBKK และ @nhso เพื่อสอบถามข้อมูล รวมทั้งสามารถโทรตรวจสอบกับสายด่วน 1330 ได้เช่นกัน

ขณะที่ น.ส.ภาวนา ใจเสงี่ยม ผู้อำนวยการเขตราษฎร์บูรณะ กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่ราษฎร์บูรณะตามทะเบียนมีประชาชนประมาณ 8 หมื่นราย ที่ผ่านมามีประชาชนมาขอเปลี่ยนหน่วยบริการจำนวนมากหลังเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลซึ่งเคยรับบริการและทราบว่าสถานพยาบาลได้ถูกยกเลิกสัญญาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว ทำให้เกิดความกังวลและเดินทางมาที่สำนักงานเขตฯ เพื่อยื่นขอเปลี่ยนหน่วยบริการใหม่ ทั้งนี้ด้วยประชาขนที่มาเป็นจำนวนมาก ประมาณ 400 รายต่อวัน ทำให้ในส่วนของพื้นที่งานทะเบียนบัตรทองไม่สามารถรองรับได้ จึงได้จัดสถานที่โดยเปิดอาคารหอประชุมเพื่อรองรับ และได้มีการบริหารจัดการ โดยให้ประชาชนเข้าไปในอาคารได้ไม่เกิน 150 คน เพื่อลดความแออัด พร้อมจัดทำบัตรคิวล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องรอนาน ซึ่งทำให้การดูแลและสถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้สำนักงานเขตฯ พร้อมอำนวยความสะดวกในส่วนของสถานที่ แต่ในรายละเอียดของสิทธิบัตรทองจะมีเจ้าหน้าที่ สปสช. คอยให้บริการอยู่