ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสุขภาพจิต ร่วมกองปราบฯ และ 3 เพจดัง “หมอแล็บแพนด้า - Drama-addict – แหม่มโพธิ์ดำ” เปิดตัวปฏิบัติการป้องกันการฆ่าตัวตายผ่านโซเชียลมีเดีย หวังดึงทุกภาคส่วนดูแลเยียวยาจิตใจกันและกัน

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในงานวันสุขภาพจิตโลก 2563 กรมสุขภาพจิตเปิดตัวนวัตกรรมด้านสุขภาพจิตรูปแบบใหม่ภายใต้ความร่วมมือกับกองบังคับการปราบปราบ และ Social Influencer ชื่อดัง 3 เพจ ได้แก่ หมอแล็บแพนด้า Drama-addict และ แหม่มโพธิ์ดำ จัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตาย หรือ HOPE Task Force โดยคำว่า HOPE ย่อมาจาก Helpers of Psychiatric Emergency ซึ่งหมายถึง ผู้ช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตฉุกเฉิน โดยทีมปฏิบัติการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเพื่อนำมาใช้ดูแลช่วยเหลือผู้ที่กำลังได้รับผลกระทบหรือมีสัญญานเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในโลกโซเชียลให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภารกิจของ HOPE Task Force จะเริ่มตั้งแต่ประชาชนสามารถส่งข้อมูลบุคคลที่มีสัญญานเสี่ยงการฆ่าตัวตายที่ปรากฏอยู่บนโลกโซเชียลให้กับเฟซบุ๊คเพจ หมอแล็บแพนด้า , Drama-addict และ แหม่มโพธิ์ดำ เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากนั้นในส่วนกองปราบปรามและกรมสุขภาพจิตจะร่วมกันวางแผนเข้าช่วยเหลือเร่งด่วนในพื้นที่ โดยมีการประสานกับตำรวจในท้องที่และโรงพยาบาลในพื้นที่เพื่อรองรับบุคคลที่มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายและให้การดูแลจนหมดภาวะฉุกเฉิน และมีการจัดทีมเยียวยาด้านสุขภาพจิตดูแลอย่างต่อเนื่องในระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายซ้ำ

“นับว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นนิมิตหมายอันดีในการทำงานด้านสุขภาพจิต ถือเป็นโมเดลต้นแบบในการทำงานด้านสุขภาพจิตแบบบูรณาการในอนาคต และยังจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมไทยอย่างมากมาย โดยทำให้เกิดระบบการช่วยชีวิตที่รวดเร็ว ได้รับความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพจิตอย่างฉับไว และมีการติดตามดูแลรักษาและบำบัดเยียวยาในระยะยาวเพื่อลดอัตราการฆ่าตัวตายซ้ำในอนาคต” นายสาธิต กล่าว

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รักษาการอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การจัดตั้ง HOPE Task Force ในครั้งนี้ เป็นการรวมตัวกันของ 3 ภาคส่วนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการรักษาชีวิตประชาชน และเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 3 ภาคส่วนมารวมไว้ในที่เดียวกัน กรมสุขภาพจิตมีศักยภาพในการเยียวยารักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตของประชาชน และบำบัดฟื้นฟูในระยะยาวเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ด้านกองบังคับการปราบปรามมีศักยภาพในการสืบสวน และประสานงานในการเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วทั่วประเทศ

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า social influencer มีความสามารถในการเข้าถึงสัญญาณเตือนที่ถูกส่งมาจากพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เมื่อนำความเข้มแข็งของทั้งสามส่วนมารวมเข้าไว้ด้วยกัน จึงเกิดนวัตกรรมใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดมาก่อน ทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตายนั้น ในระยะต้นจะเน้นการช่วยเหลือบุคคลที่ส่งสัญญาณความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในโลกออนไลน์เป็นสำคัญ แต่ในอนาคตนั้นจะสามารถขยายความช่วยเหลือไปยังภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพจิตอื่น ๆ นอกจากนั้นในระยะยาว กรมสุขภาพจิตยังมีแผนที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ การจัดการกับภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพจิตและการฆ่าตัวตายให้กับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนใจ และ social influencers อีกด้วย กรมสุขภาพจิตจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้เป็นส่วนนึงของทีมปฏิบัติการพิเศษนี้ เพราะทุกคนสามารถเป็นความหวังแห่งชีวิตของใครสักคนได้เสมอ

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า การดำเนินงานนำร่องของ HOPE Task Force ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาและทดสอบความเป็นไปได้ของระบบนี้ จากทีมเล็ก ๆ จากหลายภาคส่วนที่มีความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือประชาชน และเราก็เรียนรู้ว่าถ้าเราประสานพลังกัน การดำเนินงานรูปแบบใหม่นี้จะมีความเป็นไปได้และเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อประชาชน โดยตั้งแต่ต้นปีชุดเฉพาะกิจก็สามารถช่วยเหลือชีวิตคนที่มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายไปแล้วไม่น้อยกว่า 60 ราย พี่น้องประชาชนอาจคุ้นเคยกับกองปราบปรามที่ปฏิบัติภารกิจด้านคดีอาชญากรรม แต่กองปราบปรามถือว่าการช่วยเหลือบุคคลที่ส่งสัญญาณความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายบนโลกโซเชียลนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของหน่วยงาน เพราะเราเล็งเห็นว่าไม่ว่าการช่วยเหลือประชาชนนั้นจะมาจากรูปแบบใดหรือเรื่องใด หากประชาชนสามารถคลายความทุกข์ได้ ก็ถือเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำของพวกเรา

นทพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือ หมอแล็บแพนด้า กล่าวว่า ในฐานะที่ผมเป็นตัวแทนของภาคส่วนที่เป็น Social influencers ทั้ง 3 เพจ ได้แก่ หมอแล็บแพนด้า Drama-addict และ แหม่มโพธิ์ดำ ต้องขอเรียนว่าพวกเรารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมปฏิบัติการพิเศษนี้ ความร่วมมือในครั้งมีลักษณะที่แตกต่างจากความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์หรือให้ความรู้ทั่วๆไป เพราะ Social influencers และ เพจต่างๆ นั้นจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการพิเศษด้วยตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งพลังของโลกโซเชียลนั้นทำให้เราสามารถรวบรวมข้อมูลได้มหาศาลในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นก็เกิดจากความรักและความห่วงใยที่พวกเรามีให้กันในสังคม ผมเชื่อว่าเราทุกคนคงอยากเห็นความร่วมมือดีดีแบบนี้ถูกพัฒนาต่อไปในอนาคต