ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบ 2 รูปแบบกักตัวแบบ Wellness Quarantine ทั้ง “Medical Spa/ Wellness Resort” รูปแบบแพคเกจ 7-10 วัน กักตัวจนครบ 14 วัน และ “Long Term Care” สำหรับผู้สูงอายุ แพคเกจ 1 เดือน

เมื่อเวลา 15.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ว่า ส่วนสถานการณ์โควิดทั่วโลกป่วยแล้วกว่า 41 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 1.1 ล้านคน โดยประเทศที่ป่วยตัวเลขล้านคนไปแล้ว ส่วนใหญ่เป็นประเทศใหญ่ๆทั้งนั้น เช่น สหรัฐ อินเดีย บราซิล รัสเซีย สเปน อาเจนตินา อย่างไรก็ตาม ประชากรโลกมี 7 พันล้านคน ติดไปแล้วกว่า 41 ล้านคน ซึ่งยังไม่รู้จุดจบ แต่ที่แน่ๆเราต้องยอมรับว่า โรคนี้จะอยู่กับเราต่อไป แต่จะอยู่นานแค่ไหนไม่ทราบ ซึ่งก็จะคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ สิ่งที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขพยายามให้มีการสื่อสารคือ โรคนี้จะเป็นโรคประจำถิ่น การแพร่กระจายยังคงมี การติดเชื้อยังมี การที่จะปลอดเชื้อเป็นศูนย์ จะไม่ใช่ ซึ่งจริงๆ โรคที่น่ากลัวยังมีอีกมาก เช่น วัณโรค โดยมี่คนไทยเป็นวัณโรคประมาณ 7-8 หมื่นคน ทั่วโลกป่วย 10 กว่าล้านคน ซึ่งตัวเลขโควิดเรามี 3 พันกว่าคน

“ดังนั้น ต้องพยายามยอมรับโรคนี้ แต่ต้องป้องกันให้มากที่สุด ให้เกิดน้อยและลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อย ส่วนที่อ.แม่สอดนั้น ขณะนี้ควบคุมได้แล้ว โดยการล็อกดาวน์นั้นก็เป็นเฉพาะที่ไป ไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ทั้งเมือง ปิดเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น นอกจากนี้ ในการประชุมยังมีการพิจารณาเรื่องวัคซีนโควิด19 มี 3 แนวทาง คือ1.วิจัยพัฒนาเอง 2. ความร่วมมือกับต่างประเทศ และ3.จัดซื้อจัดหานำมาใช้ในประเทศไทย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ทั้งนี้ ในทั่ประชุมยังมีการพิจารณา 7 เรื่อง คือ

1. การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของคณะมนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและคณะ ซึ่งเข้ามาแล้วและดูแลกันเป็นอย่างดี

2.การอนุญาตให้ลูกเรือสัญชาติบริติชและสัญชาติเช็กเดินทางเข้ามาทางน้ำ

3. การกำหนดประเทศและเมืองต้นทางที่ได้รับการผ่อนผันให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยการขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิศษ Special Tourist Visa (STV) อย่างล่าสุด การรับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมาแล้วและได้อยู่ในสถานที่กักกันตัวของรัฐจำนวน 14 วัน

4.การอนุญาตให้สายการบินทำการบินแบบมีผู้โดยสารเปลี่ยนลำ

5.การอนุญาตให้เรือยอร์ชเดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 60 ลำ รวมคนประมาณ 600-650 คน ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 2,100 ล้านบาท โดยให้กักตัวเองบนเรือ 14 วัน และมีการตรวจเชื้อจากสารคัดหลั่งในโพรงจมูกจำนวน 3 ครั้ง ซึ่งทางกรมเจ้าท่าจะเป็นผู้ออกใบอนุญาต

6.การอนุญาตให้เรือลูกเรือต่างชาติเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อขึ้นเรือออกจากราชอาณาจักร (Sign on)

7.การผ่อนผันให้กลุ่มบุคคลเข้าประเทศไทยโดยเข้าสู่การกักกันตัวแบบ Wellness Quarantine ที่ผ่านมาในเรื่องการเข้ามารักษาพยาบาล หรือ Medical Program มีผู้ป่วยและผู้ติดตามเข้ามาจำนวน 1,428 ราย สร้างรายได้เข้าประมาณ 1 พันกว่าล้านบาท ล่าสุดกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เสนอรูปแบบกักกันตัวแบบ Wellness Quarantine โดยมี 3 แนวทาง ซึ่ง ที่ประชุม ศบค. อนุมัติข้อที่ 1 และ 2 ส่วนข้อที่ 3 ให้ไปลงรายละเอียดเพิ่มเติม

สำหรับ 3 แนวทางประกอบด้วย

1.Medical Spa/ Wellness Resort/Spa Resort รูปแบบแพคเกจ 7-10 วัน และต้องกักตัวจนครบ 14 วัน ซึ่งตรงนี้จะเป็นโปรแกรมสุขภาพ อย่างสปา ฟิตเนต อาหาร ความสวยความงาม โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เบื้องต้นมีอยู่ 40 แห่ง

2.Long Term Care สำหรับผู้สูงอายุ แพคเกจ 1 เดือน จะเป็นโปรแกรมสุขภาพลักษณะทำกายภาพบำบัด ฝึกสมอง โยคะ สมาธิ การนวด ลดน้ำหนัก ลดความเครียด ออกกำลังกาย เบื้องต้นมีอยู่ 20 แห่ง

3.Sport สนามกอล์ฟ แพคเกจ 14 วัน เบื้องต้นมี 120 แห่ง