ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคแจงกรณีชายอินเดียอาศัยที่กระบี่ ติดโควิด ผลตรวจภูมิต่อเชื้อพบค่า IGG ชี้ติดนานแล้ว ไม่แพร่โรค ย้ำกรณีไทม์ไลน์ผู้ป่วย อย่ากังวลหลังพบร่วมงานลอยกระทงสุโขทัย เพราะสวมหน้ากากอนามัยตลอด และหากติดเชื้อนานย่อมไม่แพร่กระจาย

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีพบชายอินเดียติดโควิด19ที่จ.กระบี่ ว่า ผลการสอบสวนผู้ติดเชื้อชายชาวอินเดียอายุ 37 ปี ได้มีการสืบสวนโรคว่า ติดเชื้อจริง และขณะนี้คือ ติดเชื้อจากไหน และมีกลุ่มสัมผัสอย่างไร อย่างไรก็ตาม สำหรับคนนี้เราเก็บตัวอย่างเชื้อ 2 ครั้ง ตรวจ 2 ครั้ง ซึ่งสรุปได้ว่า เคยติดเชื้อแน่ๆ แต่จะติดที่ไหนอย่างไร ต้องรอข้อมูลอื่นๆประกอบ

“จริงๆ เคสนี้ข้อมูลพบว่า ติดเชื้อโควิดนานแล้ว แต่นานแค่ไหนต้องสอบสวนอีกครั้ง แต่ส่วนใหญ่เมื่อติดเชื้อนานมาแล้วจะไม่ใช่ระยะแพร่กระจายโรค ส่วนว่า เคยติด และติดมาจากใครก็ต้องติดตามต่อไป เพราะจากการตรวจตัวอย่างของครอบครัวไม่พบเชื้อ เหลือผลจากภรรยา” นพ.โอภาส กล่าว

พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวถึงการติดตามไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อชาวอินเดีย อายุ 37 ปี ว่า ผู้ป่วยรายนี้พักอาศัยเกาะพีพี และมีการเดินทางไปหลายจังหวัดนั้น ทางทีมสอบสวนของกรมควบคุมโรค ทั้งส่วนกลาง และพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยการตรวจหาเชื้อมีการตรวจ 2 รั้ง คือ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. โดยไปตรวจที่รพ.กรุงเทพสิริโรจน์ ภูเก็ต จนพบเชื้อ และส่งยืนยันศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 ก็พบเชื้อ แต่วันที่ 6 พ.ย. ได้ส่งตรวจที่รพ.กระบี่ ไม่พบเชื้อ ซึ่งอาจเพราะปริมาณเชื้อน้อย ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า เจอเชื้อแน่ๆ เพราะได้ส่งมาตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็พบว่าผลเป็น IGG ซึ่งติดเชื้อมานานก่อนหน้านี้สัก 1-2 สัปดาห์ ซึ่งอาจนานกว่านั้น จึงต้องสืบสวนโรคว่า ใครเป็นผู้สัมผัสบ้าง

“หลังจากสคร.พื้นที่ที่เกี่ยวข้องไปสอบสวนโรค พบว่า ผู้ป่วยรายนี้มาประเทศไทยตั้งแต่เม.ย.2562 และเดินทางออกนอกประเทศ ก.พ. ไปสิงคโปร์ และกลับมาอยู่ไทยตลอด ไม่ได้ไปไหนอีกเลยในต่างประเทศ ซึ่งเขาทำร้านอาหารอยู่กับภรรยา ที่เกาะพีพี โดยเราตามตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. เพราะเขาบอกว่ามีอาการไอเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเราต้องตามไป 14 วัน” พญ.วลัยรัตน์ กล่าว

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวอีกว่า โดยเราพบว่า วันที่ 19-27 ต.ค. เขาอยู่บนเกาะตลอด และเดินทางในวันที่ 28 ต.ค. เพื่อไปภูเก็ต โดยก่อนไปนั่งเรือจากเกาะพีพี ไปภูเก็ต โดยพักบ้านน้องชาย 1 คืน จากนั้น ขับรถส่วนตัวไปภูเก็ต และพบเพื่อนชาวอเมริกัน ไปรับประทานอาหารที่โรงแรม เรากำลังติดตามอยู่ จากนั้นขึ้นเครื่องสายการบินแอร์เอเชีย ไปเชียงใหม่ และไปเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนชาวไทย ซึ่งเรากำลังติดตาม หลังจากนั้นเขาก็เดินทางไปสุโขทัย โดยเช่ารถยนต์ไปกับเพื่อน ไปเที่ยวงานลอยกระทงที่สุโขทัย แต่ที่งานก็มีมาตรการเข้มงวด และขณะนั้นเขาไม่มีอาการ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในงานวันลอยกระทง ซึ่งเขาก็พักที่รร.ในสุโขทัย จากนั้นเขาเดินทางกลับภูเก็ตพร้อมเพื่อนด้วยแอร์เอเชีย และเมื่อถึงภูเก็ตก็ขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าพักในป่าตอง และเมื่อรับประทานอาหารเช้าแล้วก็แยกย้ายกัน ซึ่งเขาก็มีการไปห้างสรรพสินค้าในเมืองภูเก็ต และค้างบ้านน้องชาย โดยวันที่ 4 พ.ย.ได้ไปตรวจหาเชื้อเพื่อขอทำ Work Premit เป็นต้น

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า โดยติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดจำนวน 290 รายที่ติดตามได้พบว่า เสี่ยงสูง 79 ราย และเสี่ยงต่ำ 211 ราย โดยกลุ่มเสี่ยงสูง ประกอบด้วย เป็นครอบครัวเดียวกัน 4 ราย คือ ภรรยา น้องชาย น้องสะใภ้ และหลานสาว เบื้องต้น 3 รายไม่พบเชื้อ รอผลอีก 1 ราย ส่วนผู้สัมผัสในชุมชน 5 ราย มีเพื่อน 3 ราย ที่สุโขทัย 1 ราย รอเก็บตัวอย่าง ภูเก็ต 2 รายรอติดตาม และในชุมชนอีก 2 ราย ที่เชียงใหม่ คือ ในสนามบิน และโรงแรม รอเก็บตัวอย่าง ส่วนยานพาหนะ 64 ราย เครื่องบิน 45 ราย และเรือเฟอรี่ 19 ราย และยังมีอีก 6 ราย เป็นพยาบาล 1 ราย แพทย์ 1 ราย ผู้ช่วยพยาบาล 2 ราย และล่าม 2 ราย