ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สถาบันวัคซีนแห่งชาติเผยกรณีไฟเซอร์ประกาศวัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพป้องกันโรค 90% ถือเป็นความหวังของไทย เหตุพัฒนาวัคซีนรูปแบบเดียวกัน mRNA พร้อมถกข้อมูลเชิงลึกไฟเซอร์กลาง พ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีบริษัทยาไฟเซอร์ อิงค์ของสหรัฐฯ และไบโอเอ็นเท็คเยอรมนี ออกมาเปิดเผยความสำเร็จในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากกว่า 90% ว่า ความสำเร็จดังกล่าวเป็นการทดลองประสิทธิภาพการป้องกันโรค ซึ่งได้ทดลองในอาสาสมัครไปแล้วกว่า 38,000 คน จากทั้งหมดกว่า 43,000 คน และทดลองมาในระยะ 2 เดือน อย่างไรก็ตาม ถือเป็นข่าวดี ซึ่งสะท้อนได้ดังนี้ 1. ความสำเร็จครั้งนี้ ย่อมเป็นความหวังว่าจะได้ใช้วัคซีนในระยะเวลาใกล้นี้ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทวัคซีนที่ทดลองในมนุษย์ 11 บริษัท และทดลองวัคซีนในรูปแบบกระตุ้นภุมิคุ้มกันเพื่อป้องกันเชื้อเหมือนกัน

2.การทดลองวัคซีนของไฟเซอร์ เป็นชนิด mRNA ซึ่งก็ถือว่าทำให้มีความหวังมาก เพราะจริงๆแล้วองค์การอนามัยโลก ระบุว่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากกว่า 50% ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว แต่กรณีไฟเซอร์มีประสิทธิภาพถึง 90% และด้วยเป็นชนิด mRNA ซึ่งไทยโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างพัฒนาก็เป็นชนิด mRNA เช่นกัน ดังนั้น จึงถือว่ามาถูกทาง ซึ่งของจุฬาฯ วางแผนวิจัยในมนุษย์ช่วงเดือน ม.ค.2564

3.วัคซีนนี้มีความปลอดภัย เนื่องจากการทดลองในอาสาสมัครทั้งหมด 43,000 คน และได้รับวัคซีนไปแล้ว 38,000 คน ซึ่งจำนวนอาสาสมัครเป็นหมื่นๆคนที่ได้รับวัคซีนไปแล้วนั้น ถือว่าปลอดภัย แต่เพื่อความมั่นใจมากขึ้นก็ต้องติดตามในอาสาสมัครอื่นๆจนครบต่อไป 4.หลังจากนี้ไฟเซอร์ก็ต้องมัการติดตามผลต่อเนื่อง จากนั้นจึงจะขอยื่นขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ของสหรัฐอเมริกา ก็ต้องขึ้นอยู่กับ อย.สหรัฐว่า จะให้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ได้ในภาวะฉุกเฉินหรือไม่ หรือต้องขอข้อมูลเพิ่มเติม เพราะยังต้องติดตามว่า ประสิทธิภาพการป้องกัน หรือภูมิคุ้มกันอาจลดลงหรือไม่ เนื่องจากข้อมูลของไฟเซอร์ทดลองในระยะเวลา 2 เดือน ดังนั้น ต้องติดตามว่า เมื่อเวลาผ่านพ้นไปอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้ภูมิลดลงก็เป็นได้ว่า ประสิทธิภาพ 90%จะลดลง หรือจำนวนเข็มที่ฉีดจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นอีกหรือไม่

“5.การที่ไฟเซอร์ประกาศว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ 90% นั้นอาจนำไปสู่การค้นพบภูมิคุ้มกัน ที่เป็นตัวกำหนดในการป้องกันโรคก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องติดตามว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทางไฟเซอร์จะประกาศประสิทธิภาพของวัคซีนนั้น ได้มีการนัดล่วงหน้าหารือกับทางไทยเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะมีการหารือกันในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้ โดยทางเราจะขอข้อมูลเชิงลึกกับทางไฟเซอร์ เพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายของไทยกับไฟเซอร์ด้วย” นพ.นคร กล่าว

ด้าน พญ.สุชาดา เจียมศิริ ผอ.กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมควบคุมโรค(คร.) อยู่ระหว่างการจัดเรียงความสำคัญกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในกรณีมีวัคซีนแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มแรกที่จะได้รับ คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยง ส่วนกลุ่มอื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งต้องมีข้อมูลทั้งอัตราการป่วย อัตราการเสียชีวิต โดยจะนำข้อมูลจากต่างประเทศมาประกอบ คาดว่าทั้งหมดจะชัดเจนภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ จากนั้นจึงจะเสนอต่อคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณาต่อไป