ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สำนักงาน ก.พ.ส่งหนังสือถึงปลัด สธ. ยืนยันให้กระทรวงสาธารณสุขคัดเลือกบรรจุบุคลากรในสังกัดเข้ารับราชการให้เป็นไปตามมติ ครม.พร้อมเผยมี 2 กรณีให้ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรบุคคลด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.กำหนดไว้เดิม ไม่ให้คัดเลือกกรณีพิเศษ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในแวดวงสาธารณสุขมีการแชร์และวิพากษ์วิจารณ์กรณีหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)  ด่วนที่สุด ที่ นร 1004.2/8  ลงนามโดย น.ส.ชมนาด ศรีสวาสดิ์ รองเลขาธิการ ก.พ.ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการ ก.พ. ส่งถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เรื่องการบรรจุบุคลการกรสาธารณสุขอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตามมติ ครม. ลงวันที่ 14 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยระบุถึงหนังสือจากกระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่า พบปัญหาและอุปสรรคที่อาจดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตามมติ ครม. ที่ได้รับจัดสรรสำหรับบรรจุบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 38,105 อัตราได้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขการคัดเลือกตามที่ ก.พ. กำหนด จึงรายงานข้อมูลและขอให้ ก.พ.อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการภาพรวมอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตามมติ ครม.ที่ว่างจากการสูญเสีย ดังนี้

1.ให้ผู้ที่ได้รับการจ้างงานอยู่เดิมอย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในสายงานที่ไม่ตรงกับชื่อสายงาน หรือหน่วยงานที่จ้างอยู่เดิม เนื่องจากการบันทึกข้อมูลในระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการบุคลากรสาธารณสุข(HROPS) หรือระบบบริหารงานบุคคลที่มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นคลาดเคลื่อน โดยใช้อัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่ว่างจากการสูญเสีย และเกลี่ยอัตรากำลังให้ตรงกับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานอยู่ ณ ปัจจุบันให้สามารถเข้ารับการคัดเลือกบรรจุได้จำนวน 120 ราย

2.ให้ผู้ได้รับการจ้างงานอย่างต่อเนื่องที่มีคุณวุฒิตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของประเภทการจ้างที่ได้รับการจ้างอยู่เดิม แต่ไม่สามารถใช้คุณวุฒิดังกล่าวคัดเลือกบรรจุในตำแหน่งที่ได้รับอนุมัติให้สามารถคัดเลือกบรรจุในตำแหน่งที่ได้รับจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ. กำหนดได้เป็นกรณีพิเศษ จำนวน 478 ราย

3.ให้ผู้ที่ได้รับการจ้างงานอยู่เดิมอย่างต่อเนื่อง แต่เปลี่ยนสถานที่ทำงาน หรือเปลี่ยนประเภทการจ้าง ให้สามารถเข้ารับการคัดเลือกบรรจุในตำแหน่งที่ได้รับจัดสรรเดิม โดยการเกลี่ยอัตรากำลังให้ตรงกับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานอยู่ ณ ปัจจุบัน จำนวน 18 ราย

4.ให้ผู้ที่ได้รับการจ้างงานอย่างต่อเนื่องในตำแหน่งที่มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นที่มีคุณสมบัติและมีการปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันกับตำแหน่งที่อยู่ในกลุ่ม 24 สายงานตามที่ครม.อนุมัติ เช่น ตำแหน่งนักปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ เจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน และเจ้าพนักงานการแพทย์แผนไทย รวมทั้งผู้ได้รับการจ้างงานอยู่จริง แต่ไม่ปรากฏข้อมูลในระบบฯ โดยใช้อัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่ว่างจากการสูญเสียและเกลี่ยอัตรากำลังให้ตรงกับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานอยู่ ณ ปัจจุบันให้สามารถเข้ารับการคัดเลือกบรรจุได้ จำนวน 1,281 ราย

5.ให้คัดเลือกบรรจุผู้ได้รับการจ้างงานอยู่เดิม 24 สายงาน ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนแต่ได้รับการจ้างประเภทลูกจ้างเหมาบริการ ซึ่งจ้างจากเงินงบประมาณหมวดงบดำเนินงานตามระเบียบกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ ก.พ.ได้พิจารณาและเห็นว่า มติ ครม.ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2563 กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องเหมาะสมเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติ ครม.อย่างเคร่งครัด ซึ่งคำขอของกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรณีที่ไม่เป็นไปตามมติ ครม. ดังนั้น ก.พ. จึงมีมติยืนยันให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเข้ารับราชการให้เป็นไปตามมติ ครม. มติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ดังนี้

1.กรณีกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีพิเศษนี้ และได้บรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกนั้นเข้ารับราชการแล้ว ต่อมาอัตรานั่นว่างลงด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ลาออก ย้าย โอน เกษียณอายุราชการ เป็นต้น ให้ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรบุคคลเข้ารับราชการในอัตราว่างนั้นด้วยวิธีการสอบแข่งขัน หรือคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.กำหนดไว้เดิม และไม่ให้นำหลักเกณฑ์คัดเลือกกรณีพิเศษนี้ไปใช้ในการสรรหาและเลือกสรรบุคลเข้ารับราชการต่อไปอีก

2.กรณีกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีพิเศษนี้ และไม่มีกลุ่มบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์นี้อีก ทำให้มีอัตราที่ได้รับจัดสรรตามที่มติ ครม.ยังว่างอยู่ ให้ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรบุคคลเข้ารับราชการในอัตราว่างนั้น ด้วยวิธีการสอบแข่งขันหรือคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กำหนดไว้เดิม และไม่ให้นำหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีพิเศษนี้ไปใช้ในการสรรหาและเลือกสรรบุคลเข้ารับราชการต่อไปอีก

นอกจากนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแนวทางบริหารจัดการที่อยู่ภายใต้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาปัญหาต่างๆ อาทิ การปรับเปลี่ยนสายงานของอัตราข้าราชการตั้งใหม่เป็นสายงานบริการทางการแพทย์อื่นๆที่สอดคล้องกับแผนปฏิรูปกำลังคันและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข การเกลี่ยอัตรากำลังใหม่ การบริหารจัดการอัตราว่างข้าราชการ พนักงานราชการ และพนักงานกระทรวงสาธารณสุขที่มีอยู่เพื่อบรรเทาปัญหาให้บุคลากรกลุ่มต่างๆ ด้วย