ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เตรียมพร้อมวัคซีนโควิด-19 ฉีดล็อตแรก 5 หมื่นโดสกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ทั้งรัฐและเอกชน สมุทรสาคร กทม. อ.แม่สอด และภาคใต้ ย้ำการฉีดเป็นไปตามความสมัครใจ เปิดให้ลงทะเบียนผ่านLine Official Account “หมอพร้อม” 12 ก.พ. นี้ ส่วนปชช.กำลังพิจารณาช่องทางลงทะเบียน

เมื่อวัน 25 ม.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. พร้อมด้วย ผู้บริหารสธ. ได้มีการประชุมทางไกลกับผู้บริการ/นพ.สสจ./ผอ.รพ.รัฐและเอกชน เพื่อชี้แจงการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรการแพทย์ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมฯ สั้นฯ ว่า ขณะนี้ระบบสุขภาพ ทั้งสถานพยาบาล บุคลากรและอุปกรณ์ต่างๆ นั้นมีการเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกาที่จะเข้ามาล็อตแรกต้นเดือนก.พ.จำนวน 50,000 โดส

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในระยะแรก จะให้กับกลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่เสี่ยง เช่น บุคลากรการแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ทำงานหน้าด่านในพื้นที่เสี่ยง เช่น จังหวัดสมุทรสาคร กทม. แม่สอด ภาคใต้ ทั้งนี้ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขเดินหน้าต่อ และเศรษฐกิจไปต่อได้ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมั่นใจด้วยว่าหมอก็กล้าฉีด อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นไปตามความสมัครใจ โดยให้รลงทะเบียน ลงนามความยินยอม พร้อมติดตามผลตั้งแต่อยู่ที่รพ. 30 นาที จากนั้นติดตามต่อในวันที่ 1 วันที่ 7 และวันที่ 28 หลังรับวัคซีน

ทั้งนี้ ในจำนวน 50,000 โดสแรกนี้จะให้เป็นเข็มแรกทั้งหมดเลยหรือจะเก็บจำนวนหนึ่งไว้เป็นเข็ม 2 ด้วยหรือไม่นั้น ให้กรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาอีกครั้ง เพราะล็อตถัดไปที่จะเข้ามานั้นเบื้องต้นที่แจ้งมาคือเดือนมี.ค., เม.ย. อีก 1 แสน วัคซีนมาเมื่อไหร่ก็ต้องนำมาปรับกัน อย่างไรก็ตามทางกรรมการจะประชุมสรุปอีกครั้ง

“วัคซีนจะมาต้นก.พ. แล้วจะต้องมาผ่านกระบวนการต่างๆ ก่อน และกระจายวัคซีนได้ในสัปดาห์ที่ 2 จากนั้น คาดว่าประมาณ สัปดาห์ที่ 3 ถึงจะสามารถฉีดได้ แต่ปลัดสธ.เสนอให้ฉีดวันที่ 14 ก.พ.อย่างไรก็ตาม การฉีดก็ต้องเป็นไปตามความสมัครใจ โดยให้บุคลากรการแพทย์ที่ทำงานด่านหน้าในพื้นที่เสี่ยง เข้าระบบผ่าน Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” วันที่ 12 ก.พ. ส่วนประชาชนกำลังพิจารณาช่องทางการลงทะเบียนที่เหมาะสมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ท่านรองนายกฯ ได้เน้นย้ำว่าการฉีดต้องเป็นธรรม โปร่งใส ไม่ให้มีการเหลื่อมล้ำ” ประธานคณะอนุฯ บริหารการฉีดวัคซีน กล่าว

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการติดตามผลการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่เริ่มมีการฉีดให้ประชากรในต่างประเทศผลข้างเคียงน้อยกว่าวัคซีนตัวอื่นๆ ถือว่ามีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง เป็นประโยชน์ในการควบคุมโรคในประเทศ สำหรับเป้าหมายการฉีดระยะแรกจะให้ กลุ่มที่ 1 บุคลากรด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีประมาณ 6-7 พันคน กลุ่มที่ 2 คือผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับงานควบคุมป้องกันโรคโควิด ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มนี้มีอยู่ราวๆ หลักพันคน และกลุ่มที่ 3 ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อแล้วอาการรุนแรง หรือเสี่ยงชีวิต คือผู้สูงอายุ อายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ และโรคไต ซึ่งมีอยู่หลักแสนคน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้คือตัวเลขที่มี แต่การฉีดสุดท้ายจะต้องเป็นไปตามความสมัครใจ

รองอธิบดี คร. กล่าวต่อว่า เรื่องเข็มฉีด และอุปกรณ์ที่ต้องใช้นั้นมีเพียงพอเพราะมีการผลิตได้เองในประเทศ โดยสัปดาห์หน้าจะทยอยส่งเข็มฉีดไปยังรพ.ต่างๆ จำนวน 2.5 ล้านชุด สำหรับการเตรียมตัวเพื่อรับวัคซีนก็ไม่มีอะไรมาก แค่ดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพราะปกติจะไม่ฉีดวัคซีนให้กับคนมีไข้