ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โควิด-19 ติดเชื้อรายใหม่ 819 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 716 ราย เสียชีวิตอีก 1 รายเป็นชายอายุ 56 ปี มีโรคหลอกเลือดสมองตีบ เป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะที่ผู้ป่วยยังพบมากในสมุทรสาคร รองลงมาคือ กทม.

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 819 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 808 ราย แบ่งเป็นตรวจพบในระบบเฝ้าระวังและบริการ 92 ราย และผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 716 ราย กลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) 11 ราย ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยรวมสะสม 15,465 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 13,058 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 6,248 ราย รักษาหายแล้ว 11,054 ราย เหลือรักษาอยู่ 4,335 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสมที่ 76 ราย โดยผู้ป่วยในรอบใหม่สะสมที่ 11,228 ราย หายป่วยแล้ว 7,114 ราย ยังรักษาอยู่ 44,098 ราย และเสียชีวิตสะสม 16 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 76 ชายไทย อายุ 56 ปี โรคประจำตัวคือหลอดเลือดสมองตีบ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เมื่อวันที่ 22 ม.ค. มีอาการเหนื่อยหอบ มีเสมหะมาก จึงมาที่โรงพยาบาล(รพ.) กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พร้อมนำผู้ป่วยเข้าห้องแยกความดันลบ ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ผลตรวจพบเชื้อ และวันที่ 25 ม.ค. อาการไม่ดีขึ้น มีเสมหะมาก จึงเสียชีวิตในเวลา 22:00 น.

"กรณีผู้ที่อยู่ติดบ้านหรือเป็นผู้สูงอายุ เป็นความเสี่ยง ผู้ที่เป็นลูกหลานเมื่อกลับถึงบ้านต้องรีบอาบน้ำ และคนป่วยส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวที่ไม่มีอาการซึ่งอาจจะนำเชื้อไปติดคนในบ้านได้ จึงต้องรักษาระยะห่างไว้ดีที่สุด" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบบริการ 90 2 รายพบใน กรุงเทพฯ 6 ราย สมุทรสาคร 78 ราย และสมุทรสงคราม เพชรบุรี นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี อ่างทอง สมุทรปราการ จันทบุรี จังหวัดละ 1 ราย ส่วนผู้ป่วยจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 716 ราย พบใน สมุทรสาคร 714 ราย ระยองและสมุทรปราการ จังหวัดละ 1 ราย ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้ค้นหาเชิงรุกในหลายจังหวัด แต่ยังพบมากที่สมุทรสาครและกทม. อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยยังพบมากในสมุทรสาคร สะสม 10,595 ราย กทม. 727 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 และรองมาคือ ชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ จันทบุรี นนทบุรี อ่างทองและปทุมธานี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขต่างๆเหล่านี้มีความสำคัญในการแยกแยะมาตรการผ่อนคลายแต่ละจังหวัด