ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” ยืนยันไทยมีวัคซีนโควิดใช้ตามแผน มิ.ย. ส่วนกรณีแอสตราฯ เดิมจะเข้า ก.พ.เพราะเจรจาเร็วขึ้น แต่ติดปัญหาขนส่งอียู เป็นสิ่งเหนือการควบคุม ปลัดสธ.เผยมอบสถาบันวัคซีนฯ เจรจาซิโนแวค หลังยังไม่ขึ้นทะเบียนในจีน แต่อาจใช้กม. เพื่อขึ้นทะเบียนภาวะฉุกเฉินแทน

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่าจะสามารถฉีดได้ทันภายในวันที่ 14 ก.พ. หรือไม่ ว่า ตนไม่เคยพูดว่าจะได้ฉีดในวันที่ 14 ก.พ. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวัคซีน 50,000 โดสจากแอสตราเซเนกาที่ติดปัญหาเรื่องการขนส่งนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนขอชี้แจงว่า เดิมประเทศไทยมีการวางแผนการฉีดวัคซีนในเดือนมิ.ย. โดยเป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย จากการที่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ รับถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากบริษัทแอสตราเซเนกา ในส่วนนี้ก็ยังเป็นไปตามแผน ส่วนเรื่องวัคซีน 50,000 โดส ที่มีการระบุว่าจะเข้ามาก่อนนั้น ก็เป็นความพยายามในการที่เจรจาพูดคุยกันนอกเหนือจากแผนเดิม ทำให้เราอาจจะได้มาเร็วขึ้น แต่เมื่อมีปัญหาในยุโรป ซึ่งเหนือการควบคุมของเรา แต่จะนำตรงนี้มาบอกว่าคณะทำงานไร้ประสิทธิภาพคงไม่ถูก เพราะทุกฝ่ายต่างทำงานเต็มที่

“การมาพูดว่าเป็นสิ่งที่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ถูก ไม่อย่างนั้นทุกคนก็อยู่เฉยๆ กันหมด แต่แผนปกติที่เราวางกันไว้คือ เดือนมิ.ย. แต่ถ้ามีทางไหนที่เราทำได้เร็วกว่าเราก็พยายามทำ แต่จะเอาตรงนี้มาบอกว่าเราไม่ทำตามแผน หรืออะไร มันไม่ใช่” นายอนุทินกล่าว

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คาดว่าวัคซีนโควิด -19 ของแอสตราเซเนกา และซิโนแวค จะถึงไทยตามกรอบในเดือนกุมภาพันธ์นี้ อุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้น ในส่วนแอสตราเซนา 50,000 โดสเป็นเรื่องของทางการอียู จำกัดการส่งออก ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ส่วนอุปสรรคของวัคซีนจากซิโนแวค จะมอบให้ทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติดำเนินการเจรจา หลังจากยังไม่มีการขึ้นทะเบียนในจีน โดยอาจนำข้อกฎหมายเข้ามาศึกษา เพื่อขึ้นทะเบียนในภาวะฉุกเฉิน