ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นักวิชาการเผย เยาวชนสหรัฐฯ ที่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สูง 5 เท่าของผู้ที่ไม่เคยสูบ และเมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับยาสูบยิ่งเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เป็นเกือบ 7 เท่า แนะเยาวชนและ ประชาชนไทย ลดละเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือยาสูบทุกชนิด เพื่อลดเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

คณะทำงานวิชาการของศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ รศ.ดร.สิริมา มงคลสัมฤทธิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ในปี 2563 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบความเกี่ยวข้องของการติดเชื้อโควิด-19 ในเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ารวมถึงเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับยาสูบ จากข้อมูลการสำรวจเยาวชน อายุ 13-24 ปี จำนวน 4,351 ราย พบว่า มีจำนวนเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 2,183 ราย หรือร้อยละ 50.2 ซึ่งเยาวชนที่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 สูงถึง 5 เท่าของผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือยาสูบ แต่หากสูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับยาสูบด้วยแล้วจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 เป็นเกือบ 7 เท่าเลยทีเดียว ทั้งนี้จากการค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีนัยสำคัญต่อการติดเชื้อโควิด-19

“นอกจากนี้ มีบางแหล่งข้อมูลในสหรัฐฯ ได้มีการกล่าวอ้างถึงบุหรี่ไฟฟ้าในทางที่ผิดว่ามีผลดีต่อสุขภาพ โดยระบุว่าเมื่อใช้อุปกรณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ เช่น บางข้อความระบุว่าอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าสามารถเพิ่มความชื้นในปอดทำให้ช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 บางข้อความกล่าวว่าอุปกรณ์ของบุหรี่ไฟฟ้ายังช่วยในการรักษาโควิด 19 ที่ปอดโดยจะทำหน้าที่ช่วยส่งน้ำมันออริกาโนซึ่งเป็นสารที่สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้ เป็นต้น แต่ทั้งนี้จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ ซึ่งหากมองในแง่ของการใช้อุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกันและการอยู่ร่วมกันในพื้นที่จำกัด กลับทำให้มีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ได้ เนื่องจากเชื้อโควิด-19 สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานหลายชั่วโมงในละอองลอยและบนพื้นผิว” รศ.ดร.สิริมา กล่าว

รศ.ดร.สิริมา ให้ข้อเสนอแนะว่า เยาวชนและประชาชนไทยต้องลดละเลิกการสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือยาสูบทุกชนิดเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 และควรดูแลสุขภาพร่างกายตนเองให้แข็งแรงเพื่อรับมือกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19