ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผย “นายกฯ-อนุทิน” เป็นกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนโควิด19 ได้ แต่เบื้องต้น 28 ก.พ. นายกฯ ยังไม่ฉีด เหตุต้องรอแอสตราฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากประเทศอังกฤษก่อน ส่วน “อนุทิน” ฉีดได้ทั้ง 2 ยี่ห้อ แต่อยู่ที่ความสมัครใจ

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมาย 18 จังหวัดแล้ว โดยเฉพาะ 13 จังหวัดแรกที่จะได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 แสนโดส โดยกระจายใน 32 รพ. ทยอยกันไป เบื้องต้นขอนำเรียนกรณีกระบวนการฉีดวัคซีนนั้น ทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับ และฉีดกันไปจำนวนมากแล้วทั่วโลก แต่อย่างที่ทราบแม้ขณะนี้จะอนุญาตให้ฉีด แต่ก็ยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะมีข้อจำกัดงานวิจัยยังไม่เสร็จสิ้น อย่างวัคซีนซิโนแวค มีข้อแนะนำว่า ผู้สูงอายุเกิน 60 ปียังไม่แนะนำให้ฉีด แม้มีประสิทธิภาพ ความปลอดภัยแล้ว เพราะข้อมูลยังค่อนข้างน้อย

 

“ดังนั้น ท่านนายกฯ ก็ลำบาก จะไม่ฉีด คนก็จะหาว่า ไม่มั่นใจ หรือกลัว ทั้งที่ท่านอยากฉีด แต่ถ้าฉีด ก็จะถูกครหาว่าแย่งพี่น้องประชาชนหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาทางการแพทย์และสาธารณสุข จะพบว่า ท่านเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป มีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อ เพราะท่านก็ตรวจเยี่ยมพี่น้องประชาชน ก็มีความเสี่ยง และยังมีเรื่องพื้นที่เสี่ยง คือ สมุทรสาคร กทม. ซึ่งท่านก็อยู่ใน กทม. เมื่อพูดตามเกณฑ์ท่านก็อยู่ในเกณฑ์ แต่ด้วยข้อจำกัดของวัคซีนซิโนแวค ยังไม่ให้วัคซีนแก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เราจึงไม่แนะนำให้ท่านนายกฯ ฉีดวัคซีนซิโนแวค แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่แอสตราเซเนกาได้รับการรับรองมาตรฐานจากประเทศอังกฤษแล้ว ท่านก็จะอยู่ในเกณฑ์รับวัคซีนนี้” ” อธิบดี คร. กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการสธ. อายุไม่ถึง 60 ปี แต่ท่านเป็นบุคลากรที่ต้องไปสัมผัสกับผู้มีโอกาสติดเชื้อ ไปตรวจเยี่ยม พบพี่น้องประชาชนก็อยู่ในกลุ่มเป้าหมายต้องได้รับการฉีด และท่านสามารถฉีดได้ทั้งซิโนแวค และแอสตราฯ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ความสมัครใจ แม้เป็นกลุ่มเป้าหมาย หากไม่สมัครใจก็บังคับไม่ได้

ด้าน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา โฆษกกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับวันที่ 28 ก.พ. 2564 จะเริ่มฉีดวัคซีนโควิดใน 3 จังหวัดแรก คือ จ.นนทบุรี ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.สมุทรสาคร ฉีดที่ รพ.สมุทรสาคร และจ.ชลบุรี ที่รพ.ชลบุรี โดยจะฉีดในกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงก่อน