เตรียมหนุน อภ. เดินหน้าผลิตวัคซีนโควิดแบรนด์ไทย

"อนุทิน" เผย รัฐเตรียมหนุน อภ.เดินหน้าผลิตวัคซีนแบรนด์ไทย พร้อมขอประชาชนมั่นใจ ปมตั้ง รพ.สนาม รับคลัสเตอร์ ตม.บางเขน

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ว่า

ล่าสุดมีข่าวดีเพราะวัคซีนซึ่งผลิตโดยองค์กานเภสัชกรรม และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศ และที่สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จ ได้ทดลองกับมนุษย์แล้ว เป็นเทคโนโลยีที่ไทยมีความคุ้นเคย และมีโรงงานวัคซีนที่พร้อมใช้งาน แผนการดำเนินอย่างราบรื่น จนมาถึงขั้นที่ได้ฉีดในอาสาสมัคร จำนวนกว่า 100 คน ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้เขาก็ต้องผ่านเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 มาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปตามมาตรฐานทุกอย่าง

เมื่อทุกอย่างสำเร็จ จะมีวัคซีนไทยแลนด์ ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีก็คือคนไทย โดยองค์การเภสัชกรรม การพัฒนาก็จะเป็นไปในหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตวัคซีนเองและมาฉีดให้คนไทยเอง กำลังการผลิตประมาณการไว้คือ 30 ล้านโดส ต่อปี และในอนาคต สามารถเพิ่มปริมาณได้อีก วันนี้ ไทยมีวัคซีนมากเพียงพอแล้ว สิ่งที่ต้องกล่าวถึงคือเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย

เมื่อถามถึงกรณีการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก ที่ด่าน ตม.บางเขน จนได้รับการประสานให้ตั้งโรงพยาบาลสนามนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า การระบาดที่เกิดขึ้น อยู่ภายใต้การควบคุม และเป็นสิ่งที่ได้เตรียมการบริหารจัดการเป็นอย่างดี โรงพยาบาลสนามสามารถเกิดขึ้นมาได้ด้วยในระยะเวลาอันสั้น เชื่อว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีโรงพยาบาลตำรวจ และมีแพทย์ตำรวจ สามารถจัดการได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปสนับสนุน

ผู้ป่วยคลัสเตอร์นี้ ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ซึ่งก็มีวิธีการรักษาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ยอดตัวเลขอาจทำให้ตกใจ แต่เมื่อเจาะลึกลงไป เรารู้ที่มาที่ไปของตัวเลข การติดเชื้ออยู่ในกลุ่ม อยู่ในพื้นที่ที่คาดไว้อยู่แล้ว และเมื่อหลุดรอดออกไป เป็นสะเก็ดไฟ ก็ตามตะครุบ ตามไปดับ ขอให้มั่นใจการทำงานของทีมสาธารณสุขไทย

"โรงพยาบาลสนาม จะอยู่ภายในสโมสรตำรวจมีรั้วรอบขอบชิด และรอบข้างก็ไม่ได้มีชุมชนแต่อย่างใด และที่สำคัญบุคคลที่มารับการรักษานั้นไม่แสดงอาการ เพราะถ้ามีอาการเมื่อไหร่ ต่อให้เป็นคนต่างชาติเราก็ต้องส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลัก เพื่อให้ได้รับการรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ กรมควบคุมโรค เผชิญกับปัญหา จนมีประสบการณ์ มีความชำนาญ เรามีความพร้อมในการดูแลสถานการณ์"