ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"หมอยง" ย้ำมีผื่นอย่างเดียวอย่าตระหนกจนแห่ไปตรวจโควิด ต้องดูอาการทางเดินหายใจอื่นร่วมด้วย  เน้นคนเสี่ยงสูงเท่านั้น 

 

วันที่ 11 เม.ย.  ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีแนวทางการไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 หลังมีข้อมูลว่าคนมีตาแดง เกิดผื่นเป็นอาการใหม่ของโรคด้วย ว่า ตอนนี้ยอมรับว่าอยู่ในภาวะตระหนก พอคนกลัวและตระหนก ก็เฮโลไปตรวจหาเชื้อ ซึ่งคิดว่าทุกคนต้องมีเหตุและผลในการไปตรวจ ต้องคิดก่อนว่าตัวเองเสี่ยงสูงหรือเสี่ยงต่ำ ซึ่งจากการศึกษาระลอกแรกปีที่แล้ว เห็นชัดว่า กรณีสัมผัสในครอบครัว หากใครคนหนึ่งเป็น เราถือว่าคนในครอบครัวนั้นเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เพราะเห็นการติดเชื้อจำนวนมาก จึงเห็นด้วยว่าควรต้องไปตรวจ

 

แต่ถ้าสัมผัสที่ทำงาน สมมติมีคนหนึ่งเป็นในที่ทำงาน แล้วที่ทำงานมีคนจำนวนมาก เราเคยศึกษาแล้ว โอกาสติดที่ทำงานน้อยมาก ส่วนใหญ่ติดในที่ทำงานเกิดจากผู้สัมผัสใกล้ชิดจริงๆ เช่น กินข้าวด้วยกัน พูดคุยสนทนากัน เมื่อเหตุผลเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าที่ทำงาน 1 คนเป็น ไม่จำเป็นว่าทุกคนในที่ทำงานต้องไปตรวจ ถ้าเรามีโอกาสสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยถือว่าอาจจะเสี่ยงสูง ไม่ใช่ว่าทั้งที่ทำงานทั้งหมดต้องไปตรวจ ไม่จำเป็น แต่ถ้าใครเป็นที่ทำงาน เราคิดว่าเราอาจมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ให้สังเกตอาการของเรา มีอะไรผิดปกติเข้าได้ที่กับการป่วยโรคนี้ไหม สำคัญคือการปฏิบัติตน ถ้าเคร่งครัดใส่หน้ากาก 100% ล้างมือบ่อยๆ กำหนดระยะห่าง ไม่ไปรวมคนหมู่มาก เมื่อผ่าน 14 วันแล้วก็สบายใจได้ 

"ให้ดูด้วยเหตุและผล ไม่ใช่ตื่นตระหนกแล้วไปตรวจ ส่วนข่าวที่ว่าโรคนี้มีผื่นขึ้นก็เป็นไปได้ ต้องยอมรับว่าทุกโรคการแสดงอาการต่างๆ มีได้เกือบทุกรูปแบบ ท้องเสียก็ได้จากสาเหตุสารพัด ฉีดวัคซีนท้องเสียได้ ขึ้นผื่นได้ อาจเกิดจากวัคซีนหรือไม่ก็ได้ การป่วยโรคโควิด 19 ก็มีผื่นขึ้นได้ แต่ต้องคำนึงถึงอาการอย่างอื่นร่วมด้วย ไม่ใช่ผื่นขึ้นนิดนึงแล้วสงสัยโควิดเลย คงไม่ใช่แน่นอน จะต้องมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ไอ เจ็บคอ อาการทางเดินหายใจ มีไข้ ขอให้เอาอาการหลัก คือ อาการทางเดินหายใจ เพราะโรคนี้คือโรคทางเดินหายใจ ไม่ใช่ไม่มีอาการอะไรเลยแล้วมีผื่นขึ้น แล้วจะบอกว่าคนนี้ต้องไปตรวจโควิด ขอให้สร้างความเข้าใจว่า ไม่เกี่ยวข้องกันเลยว่ามีผื่นอย่างเดียวแล้วเป็นโควิด ขอให้ตระหนักว่า เน้นอาการระบบทางเดินหายใจร่วมกับไข้เป็นหลัก" ศ.นพ.ยงกล่าว

ศ.นพ.ยงกล่าวว่า ตอนนี้พบโรคโควิด 19 สูงสุดในกลุ่มคนอายุ 20-39 ปี คนวัยหนุ่มสาวร่างกายแข็งแรงอาการของโรคน้อยมาก โอกาสลงปอดและเสียชีวิตอายุต่ำกว่า 30 ปีลงแทบจะน้อยมาก แต่ที่เป็นห่วงในช่วงสงกรานต์ โดยฝากว่าถ้าเคลื่อนย้ายจากที่ไหนก็ตามกลับไปหาญาติผู้ใกญ่ ต้องคิดว่าต้องปกป้องญาติผู้ใหญ่อย่างเต็มที่ ต้องดูแลตนเองใส่หน้ากกา 100% ล้างมือ รดน้ำขอพรแบบมีระยะห่างมากที่สุด การฉลองเฮฮาตั้งวงเหล้าต่างๆ ควรงดทั้งหมด เพื่อไม่ให้แพร่กระจายของโรคไปยังผู้อาวุโสที่เรานับถือและทำให้เสียชีวิตได้

ศ.นพ.ยงกล่าวว่า สำหรับการติดเชื้อในเด็ก มักเกิดจากผู้ใหญ่นำไปให้ โดยโรคนี้เป็นโรคที่ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ดังนั้น ในเด็กความรุนแรงต่ำมาก อาการเหมือนโรคทางเดินหายใจอื่น กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี เคลียร์ไวรัสได้ดี อาการของโรคสั้นกว่าผู้ใหญ่ แต่ที่ต้องคิดถึงอนาคตคือเด็กโต วัยรุ่น มัธยมที่อยู่รวมกัน เมื่อคุมผู้ใหญ่ได้ดีแล้ว ต้องคุมกลุ่มนักเรียนต่อ หลายประเทศจึงพัฒนาวัคซีนเพื่อมาฉีดในนักเรียน เกือบทุกบริษัทกำลังมาศึกษาในเด็ก และเชื่อว่าจะมีวัคซีนที่ใช้ในเด็กโตในเร็ววันนี้ สำหรับเด็กที่ติดเชื้อ ส่วนการไปห้างยังไปได้ไม่ต้องกังวลว่าจะติดเชื้อง่าย เพราะสถานที่ใหญ่ กว้าง โอกาสคุยกันก็ไม่ตะโกน แต่ขอให้เคร่งครัดการใส่หน้ากาก